นายสนธิรัตน์ บอกว่า การลงพื้นในวันนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงอยากขอโอกาสให้พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ส่วนตัวมีความมั่นใจ ว่าจะสามารถปักธงในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครได้อย่างแน่นอนในส่วนของคลิปวิดีโอของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการเปิดบนเวทีปราศรัย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ อย่างน้อยพี่น้องประชาชนก็หายคิดถึง เพราะจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา มีพี่น้องประชาชนหลายคนเข้ามาสอบถาม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่มาหาเสียงด้วยหรือไม่ พรรคต้องทำตามข้อจำกัด ซึ่งอย่างน้อย ก็จะทำให้ท่านนายกฯ ได้มีโอกาสคุยกับพี่น้องประชาชน
กรณีของมีการจับขั้วทางการเมือง นายสนธิรัตน์ บอกว่า สิ่งนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อเห็นผลของคะแนน ฉะนั้นการจับขั้วตั้งแต่เริ่มต้น มันเหมือนการบังคับให้พี่น้องประชาชนมีข้อจำกัด มันก็จะทำให้ประเทศไม่มีทางออก พรรคพลังประชารัฐย้ำเสมอ ว่าการไปตั้งเงื่อนไขตั้งแต่ต้น มันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าของประเทศส่วนในเรื่องของกระแสนโยบายค่าแรงของพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้นั้น นายสนธิรัตน์ บอกว่า นโยบายค่าแรง คือระบบที่นำมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงแรงงาน แต่จากที่ทางพรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าหมายในเรื่องค่าแรงก่อนหน้านี้ คือต้องการที่จะยกระดับผู้ใช้แรงงาน พรรคฯไม่ได้ทำแบบในอดีตที่ผ่านมา พรรคไม่ได้ทำแบบประชานิยม
สำหรับในส่วนของ เขตปทุมวัน-บางรัก-สาทร การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 เดิมเป็นฐานเสียงเก่า ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในปีนี้ แชมป์เก่าจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงลงแข่งขันในเขตนี้ด้วย ฉะนั้นต้องจับตา ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ในส่วนของเขตปทุมวัน-บางรัก และสาทร พรรคพลังประชารัฐ จะมีโอกาสปักธง ได้มากน้อยแค่ไหน