svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

13 มีนาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"กรีน ลาเท็กซ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่นอนและหมอนยางพาราธรรมชาติคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดงาน 14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ กับการเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการขยายฐานการผลิต New Factory บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม นวนคร เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ ในการเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูง พร้อมรุกตลาดผลิตภัณฑ์ยางพาราครบวงจร โดยตั้งเป้ารายได้ 1.7 พันล้านบาทสิ้นปี 2562 "

คุณกัณฑ์กณัฐ แสนสุกวิหิรัญ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย คุณจิรวดี อังศุมาลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีน ลาเท็กซ์ จำกัด  ร่วมแถลงถึงแผนธุรกิจปี 2562  และโครงการขยายฐานการผลิต New Factory อย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้อง Social Room 1 ชั้น 7 โรงแรม โซ โซฟิเทล เเบงคอก 

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


นายกัณฑ์กณัฐ แสนสุกวิหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีน ลาเท็กซ์  จำกัด เปิดเผยว่า  แผนการตลาดในปี 2562 ที่บริษัทวางไว้ ตั้งเป้าเป็นผู้นำแบรนด์เบอร์หนึ่งของตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพารา ไม่เฉพาะหมอนและที่นอนที่ทำมาจากยางพาราเท่านั้น ปีนี้เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนวัตกรรมหมอนและที่นอนที่มีคุณภาพในหลากหลายระดับราคา ตอบสนองผู้บริโภคทุกตลาด ด้วยวิสัยทัศน์ เราจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งต่อสุขภาพการนอน และคุณภาพชีวิตที่ดีสู่คนทั่วโลก 

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ในส่วนสินค้ากลุ่มยางพาราเอง จะมีการพัฒนารูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มเดิม แต่จะขยายออกไปในสินค้ากลุ่ม Living และ Lifestyle ด้วย นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ที่มีประชากรจำนวนมากและมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีสินค้าเครื่องนอนให้เลือกหลากหลายมากนัก โดยจะนำสินค้ากลุ่มยางพาราเข้าไปทำตลาดกลางและบน ภายใต้แบรนด์ของไทยและการโปรโมทผลิตภัณฑ์ยางพาราแท้และผลิตโดยโรงงานในไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลกทั้งนี้ในส่วนโรงงานและโชว์รูมใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนเมษายน ขณะนี้เหลือแค่ในส่วนของอาคารสำนักงาน ส่วนในสายการผลิตดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วและสามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงแล้ว ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับโรงงานเก่า สำหรับงาน Grand Opening วางแผนไว้ว่าจะจัดในช่วงประมาณไตรมาส 3 ของปี 2562 นี้สำหรับโรงงานใหม่ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยเป็นโรงงานและโชว์รูมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการวางระบบที่ได้มาตรฐานรองรับการผลิตอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ทันสมัย และวางไลน์ผลิตต่างๆ เพื่อรองรับการพัฒนาระบบ Automation ซึ่งมีทีมในการพัฒนาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้การผลิตได้มาตรฐาน ลด Human Error และใช้ระบบ Scada มาจับข้อมูลเพื่อควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐาน บริษัทได้ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีการลงทุนในส่วนโครงสร้างของตัวตึกให้รองรับการวาง Solar Roof เพื่อประหยัดพลังงานและลงระบบ ASRS คลังอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแผนงานที่จะทำต่อในช่วงประมาณไตรมาส 3 ถึง 4 

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ด้านนางจิรวดี อังศุมาลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีน ลาเท็กซ์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2562 นี้บริษัทฯ มีแผนทุ่มงบประมาณในส่วนของการตลาดและประชาสัมพันธ์กว่า 30 ล้าน เพื่อเปิดตัวโรงงานใหม่ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ทำวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งเรายังวางแผนบุกตลาดครบทุกช่องทาง ทั้งในช่องทางปัจจุบันที่ทำอยู่ และช่องทางใหม่ เช่น E-Commerce และตลาดต่างประเทศ โดยแผนงานทั้งหมดนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 30% จากปี 2561 โดยตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท 

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ปัจจัยที่ส่งผลที่ทำให้ธุรกิจเติบโต คือ ปีนี้จะเน้นบุกตลาดส่งออกที่เป็นตลาดใหม่และยังไม่ค่อยรู้จักสินค้าเครื่องนอนจากยางพารามากนัก โดยมุ่งเน้นไปที่ประเทศที่มีจำนวนประชากรสูง ได้แก่ อินเดีย  สหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่ม ตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูง สำหรับตลาดอินเดียเราก็ได้ลูกค้าส่งออกไปแล้วจำนวนหนึ่ง เพราะเริ่มบุกตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดกลุ่ม AEC ก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวแทนจำหน่ายของ Greenlatex แล้วที่กัมพูชาและมีโชว์รูม 2 แห่งที่พนมเปญและเสียมเรียบ และภายในไม่เกินไตรมาส ที่ 2 คาดว่าจะมีตัวแทนและเปิดโชว์รูมที่เวียดนาม และเริ่มบุกตลาด เมียนมา ต่อไปกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทประมาณ 80% คือลูกค้า OEM ตลาดต่างประเทศ โดยได้ทำการผลิต OEM ภายใต้แบรนด์ของลูกค้าให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ หลายแบรนด์ในประเทศจีนและเกาหลี รวมทั้งผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้กับห้างใหญ่ๆ หลายห้างในเมืองไทยด้วย นอกจากผลิต OEM ภายใต้แบรนด์ของลูกค้าแล้ว ยังมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของเราเองอยู่ถึง 7 แบรนด์ เพื่อเข้าไปขายในโมเดิร์นเทรดต่างๆ ทั่วประเทศ และขายในตลาดกลุ่ม AEC 

14 ปี แห่งความสำเร็จของ กรีนลาเท็กซ์ ส่งเสริมเกษตกรยางพารา  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ปัจจุบันผลิตภัณฑ์หลัก คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่ผลิตจากยางพารา ไม่ว่าจะเป็น หมอน ที่นอน Topper ผ้าห่ม เครื่องนอนเด็กแรกเกิด ไปจนถึงพวก Accessories ต่างๆ เช่น เบาะพิงหลัง เบาะรองนั่ง หมอนล็อคคอ เป็นต้น นอกจากผลิตภัณฑ์เครื่องนอนกลุ่มยางพาราแล้ว เรายังมีโรงงานผลิตกลุ่มที่นอนสปริง และยางพาราอัดด้วย อย่างไรก็ตามในปีนี้ เราตั้งใจจะแตกไลน์ไปยังผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่ใช้วัตถุดิบใหม่ๆ และเสนอที่นอนรุ่นใหม่ที่มีการเรียงชั้นวัสดุอย่างเหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มอีกด้วยนางจิรวดี กล่าวต่ออีกว่า จุดแข็งของกรีนลาเท็กซ์ คือ ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพารา ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หลากหลายออกสู่ตลาด แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่เป็นผู้ผลิตเองทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและเสนอราคาที่พอเหมาะให้กับลูกค้าได้ นอกจากนั้นกรีนลาเท็กซ์ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการมีกำลังการผลิตสูง และมีสต็อกสินค้า ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการให้บริการที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดส่ง เรามีฟลีทรถจัดส่งของเราเองหลายขนาด ตั้งแต่ รถบรรทุกหัวลาก รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถกระบะ เพื่อให้ครอบคลุมการจัดส่งทุกพื้นที่โดยมองว่า ตลาดเครื่องนอนยางพารามีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะในฝั่งตลาดทัวร์ Shop และตลาด E-Commerce ในประเทศจีน และเกาหลี ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของหมอนที่นอนยางพารา มีการแข่งกันลดราคาอย่างต่อเนื่องเพื่อครองตลาด  แต่อย่างไรก็ตาม การที่บริษัท ยังอยู่ได้เพราะเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่เคยลดต้นทุนโดยการเลือกวัตถุดิบไม่ดีหรือราคาต่ำมาผลิตสินค้า แต่เราเลือกพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองและต้นทุนการผลิตที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สามารถเสนอสินค้าที่ราคา Competitive ให้กับลูกค้าได้นอกจากนั้น เรายังเน้นการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนกับลูกค้า ผลิตและจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มโอกาสการขายและลดภาระการแบกสต็อกของลูกค้า อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาดให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ลูกค้า OEM ทุกเจ้าจึงยังอยู่กับเราตั้งแต่เปิดโรงงานจนถึงปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ก็พึงพอใจและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท" นางจิรวดี กล่าวทิ้งท้าย

logoline