"พี่มอส" ออกโรงเคลียร์ เหตุล้างใบเหลือง

นักเตะทีมชาติสเปน ดาวเตะวัย 32 ปีรับใบเหลืองในเลกแรกของศึกแชมเปียนส์ ลีกรอบ 16 ทีมที่บุกชนะ อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม 2-1 ส่งผลให้ติดโทษแบนในนัดสองซึ่ง 'ราชันชุดขาว' ถูกถล่มคาเบร์นาบิว 1-4 ตกรอบแบบช็อกโลกต่อหน้าต่อตา 'พี่มอส' ซึ่งมีคิวถ่ายทำสารคดีบนอัฒจันทร์
ในอินสตาแกรมของ กำแพงหลังบ้านเรอัลมาดริด เซร์คิโอ รามอส เผยว่า 
"ในฐานะนักฟุตบอลเราอยากพูดแทนด้วยผลงานในสนามแต่ซีซั่นนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"
"เหตุการณ์ที่ผ่านๆมานับเป็นหายนะและผมจะไม่หลบซ่อน พวกเราก็เช่นกัน พวกเรานักเตะต้องรับผิดชอบก่อนใครและผมในฐานะกัปตันต้องรับผิดชอบยิ่งกว่าใคร"
"ผมเลยคิดว่าวิธีที่จริงใจสุดในการไขข้อข้องใจต่างๆที่รายล้อมเราอยู่นั้นคือเข้าชนมันตรงๆนี่ล่ะ"
"ใบเหลืองที่อัมสเตอร์ดัมถือว่าพลาดไหม พลาดแน่นอน ผมขอรับผิด 200 เปอร์เซนต์เลย"
"ทำไมถึงถ่ายสารคดีเหรอ เรามีสัญญาบางอย่างกันและผมไม่นึกเลยจริงๆว่าเกมจะออกมาแบบนั้น เกมดำเนินไปการถ่ายทำก็ลดสเกลลง"
"ผมเถียงกับท่านประธานในห้องแต่งตัวหรือเปล่า เรื่องในห้องแต่งตัวก็ต้องหารือและแก้ไขกันในห้องแต่งตัว ไม่มีปัญหาใดๆเลยและทุกคนใส่ใจสิ่งเดียวกันนั่นคือเรอัล มาดริด"
"ผมชี้หน้าตำหนิเพื่อนร่วมทีมหรือเปล่า เราพูดคุยและกระตุ้นซึ่งกันและกันในห้องแต่งตัวเสมอและเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์มาตลอด"
"ผมทะเลาะกับมาร์เซโล่ไหม เราคุยกันในการซ้อมทุกมื้อ มันคือส่วนหนึ่งของการทำงานกับความกดดัน แต่มันก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเรื่องนึงเหมือนเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เกิดขึ้นอยู่ทุกๆวัน"
"ทำไมถึงเดินทางไปบาญาโดลิด เพราะผมอยากอยู่ใกล้และให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมน่ะสิ"
"เกิดอะไรขึ้นกับโค้ช มันคือการตัดสินใจที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราซึ่งเราไม่เคยเข้าไปแทรกแซง เราให้ความเคารพต่อบทบาทนั้นอย่างสูงและสนับสนุนโค้ชของเรอัล มาดริดมาตลอด"
"ผลสะท้อนที่ออกมาเหล่านั้นแน่นอนว่ามันคือผลลัพธ์จากซีซั่นอันน่าผิดหวังอย่างยิ่งแต่หากความสำเร็จยังหยุดเราไม่ได้เราก็จะไม่ยอมให้ความพ่ายแพ้มาหยุดเราไว้เช่นกัน มันคือหน้าที่ของเราในการมุ่งมั่นทำงานและพัฒนากันต่อไป"
"และถึงบางคนจะโชคดีที่ได้เล่นให้เรอัล มาดริด บางคนก็โชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่เรอัล มาดริดก็คือเรอัล มาดริดตลอดไป คนๆเดียวไม่ได้ทำให้เรอัล มาดริดเป็นตำนานแต่คือพวกเราทุกคนช่วยกันสร้างมันต่างหาก"
"เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่ออนาคตและปลุกความหวังของพวกเรากลับมา ความยึดมั่นแห่งมาดริติสต้า #HalaMadrid"