นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กล่าวในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ(Workshop) เรื่อง "การเตรียมพร้อมนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ (New Food Warrior 2019)" ซึ่งเป็นกิจกรรม Kick-off ใน "โครงการยกระดับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร โดยนำมาตรฐาน ผลิตภาพ และนวัตกรรม เป็นเครื่องมือในการเพิ่มขีดความสามารถนักรบอุตสาหกรรมพันธุ์ใหม่" ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) ได้ร่วมมือกับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้นในวันที่ 5 - 6 มี.ค. 2562 ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ว่าถือเป็นกิจกรรมในรุ่นที่ 1 สำหรับรุ่นที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 18 - 19 มีนาคม นี้ ที่โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ส่วนรุ่นที่ 3 จะจัดขึ้นในวันที่ 26 - 27 มีนาคม ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้ารับการอบรมรวมกันไม่น้อยกว่า 200 ราย หรือเฉลี่ยรุ่นละประมาณ 70 ราย
"ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารอนาคต (Future Food) ของอาเซียน และติด 1 ใน 10 ของผู้ส่งออกอาหารของโลกในปี 2565 ด้วยการยกระดับองค์ความรู้ในทุกมิติโดยเน้นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้บุคลากรในอุตสาหกรรมอาหาร ได้เรียนรู้และปรับตัวให้สอดคล้องกับการแข่งขันในยุคดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง และเพื่อกระตุ้นผู้ประกอบการให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตร"
ทั้งนี้แนวทางการพัฒนานักรบอุตสาหกรรมอาหารมีหลากหลายด้าน เช่น การให้คำปรึกษาเชิงลึก In-house Training กิจกรรมอบรมสัมมนา การทำ Workshop การเรียนรู้จากกรณีศึกษา และการเยี่ยมชมโรงงานเป็นต้น สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในปีนี้ ยังมีอีก 2 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมการพัฒนาหลักสูตรเพื่อพัฒนานักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ จำแนกออกเป็น 5 หลักสูตร ซึ่งแต่ละหลักสูตรจะเหมาะสำหรับการพัฒนานักรบอุตสาหกรรมอาหารที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม และกิจกรรมการให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะคัดเลือกผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก เรียกว่า กลุ่มอาหารอนาคต (Future food) ประกอบด้วย 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ (Health Food / Functional food) กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารอินทรีย์ (Organics) กลุ่มผู้ผลิตอาหารทางการแพทย์ (Medical food) และกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสารสกัดสมุนไพร (Food Supplementary & Herb Extract) เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก โดยเน้นด้านการใช้เครื่องมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) ให้กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ "เป้าหมายในปี 2562 นี้คือการจัดเตรียมหลักสูตรการพัฒนานักรบพันธุ์ใหม่ 5 ระดับ มีบุคลากรจำนวน 200 คนในอุตสาหกรรมอาหารได้รับการยกระดับองค์ความรู้ในเชิงปฏิบัติการเพื่อเข้าสู่การเป็น Food Warrior มี 25 ผู้ประกอบการกลุ่มอาหารอนาคต(Future Food) ได้รับการยกระดับผลิตภาพด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และเกิดเครือข่ายนักรบอุตสาหกรรมอาหารและพื้นที่สำหรับสมาชิกเครือข่ายทำกิจกรรมร่วมอย่างน้อย 1 เครือข่าย 1 แอพพลิเคชั่น"
นางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวถึงแนวโน้มเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารปี 2030 ว่า จากประเมินจำนวนประชากรโลกที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านคน จากปัจจุบัน 7.5 พันล้านคน ส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ เช่น อาหารที่บริโภคในปริมาณน้อย แต่ให้พลังงานและโปรตีนเพียงพอกับความต้องการ หรือ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จะเข้ามาแทนที่อาหารในรูปแบบเดิมขณะที่เศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างมากจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ด้วยจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวเอเชีย จึงเป็นโอกาสในการผลิตสินค้าและบริการอาหารรูปแบบใหม่ๆ สำหรับรองรับประชากรเหล่านี้ โดยจะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.5 หรือประมาณ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรโลก ซึ่งมีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพสมวัย รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อช่วยชะลอวัย ทั้งนี้ร้อยละ 60 ของคนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเมือง ดังนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและการรับประทานอาหารในร้านอาหารนอกบ้าน จึงได้รับความนิยมอย่างมาก โดยผู้หญิงจะมีอิทธิพลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงยุคใหม่ทำงานมากขึ้น จึงมีรายได้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ด้วยตนเอง ทั้งเพื่อตนเอง คนรัก และครอบครัว
"ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคจึงจะประสบความสำเร็จ การเลือกใช้เทคโนโลยีการแปรรูปอาหารมีส่วนสำคัญในการทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติดีและมีอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม ที่น่าสนใจและเป็นแนวโน้มในอนาคต อาทิ เทคโนโลยีการแปรรูปอาหารโดยใช้ความดันสูง เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อโดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง เทคโนโลยีการปรับคุณภาพของเนื้อสัตว์ โดยใช้คลื่นความดันเชิงกล (Shockwave) ทำให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เป็นต้น ทั้งนี้ต้องเคร่งครัดเรื่องมาตรฐานในการผลิตและแปรรูปอาหาร ที่สำคัญคือ มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร เช่น GMP , HACCP และ HALAL เป็นต้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือการนำเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต แปรรูป และจำหน่ายสินค้า จะทำให้ธุรกิจอาหารเติบโต และลดความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติ รวมถึงลดความผิดพลาดของพนักงานลง การทำธุรกิจอาหารง่ายขึ้น ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องทำเองทั้งหมด เพียงแต่หาพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสมเข้ามาช่วย"