การสอบปากคำมี พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ และ ตร.สืบสวน ร่วมสอบปากคำ โดยคดีนี้นายจิรายุสสวนมิก่อเหตุ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 ซึ่งขณะนั้นอายุ 18 ปี โดยก่อเหตุร่วมกับ นายทักษ์ดนัย เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปีโดยปล้นรถขนเงินของบริษัท BRINKS ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต ได้เงินกว่า 6.2 ล้านบาท ครั้งนั้นนายจิรายุส ได้รับส่วนแบ่งจากการก่อเหตุ 1 ล้านบาท
การทำแผนจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญ นายจิรายุสหรือแบงก์ ชี้จุดที่ร่วมก่อเหตุกับเพื่อน ในช่วง พนง.ขับรถขนเงิน จอดรถไว้ เพื่อเข้าไปรับเงินภายในห้าง หลังจากนั้นได้กลับมาที่รถพบว่าประตูรถถูกเปิดอ้าไว้และเงินหายไป 2 ถุง จากทั้งหมด 14 ถุงหลังทำแผนเสร็จจุดนี้เสร็จ ตำรวจได้คุมตัวไปสอบสวนต่อ ก่อนจะนำไปทำแผนจุดที่ นำถุงเงินไปทิ้งบริเวณ พงหญ้า ถนนกาญนนาภิเษก ใกล้กับห้างสรรพสินค้า
ส่วนที่มาของการจับกุมนายจิรายุส คือคดีที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นรถขนเงินในพื้นที่ สภ.หนองค้างพูล เมื่อช่วง 08.00 น.ที่หน้าห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า สาขาพุทธมณฑลสาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม พ.ต.อ.นภดล กาญจนพันธุ์ ผกก.สน.หนองค้างพลู คุมตัวนายจิรายุส หนึ่งในผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนชิงถุงเงิน จากพนักงานขนเงินของบริษัท BRINKS ได้เงินไปกว่า 7.2ล้านบาท ทำแผนคำรับสารภาพ
โดยจำลองเหตุการณ์เมื่อ 23 ก.พ. 62 ที่ผ่านมาในช่วงที่ พนักงานรถขนเงินบริษัท BRINKS เบิกเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ ของห้างค้าบิ๊กซี จำนวน 7,270,000 บาท เพื่อจะนำไปเก็บรักษาชั่วคราวยังรถขนเงินของบริษัท BRINKSระหว่างนั้นนายจิรายุส เเละ นายพิทักษ์ดนัย ขี่ จยย. ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีด เข้ามา โดยยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด จากนั้นขู่พนักงานให้ส่งถุงเงินให้ หลังได้เงินคนร้ายก็ยิงปืนอีก 1 นัด เพื่อเปิดทางในการหลบหนี โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น
คดีนี้ตำรวจทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 7 จุดคือ อาทิ บริเวณจุดเกิดเหตุภายในห้างทั้ง จุดที่จอดรถจักรยานยนต์เพื่อดักรอและจุดที่เข้าไปใช้อาวุธปืนชิงถุงเงิน ร่วมถึงเส้นทางหลบหนี จุดที่ 2 คือ ห้องเช่าที่มีการนำเงินของกลางบางส่วนไปเก็บ คือจุดที่ทิ้งอาวุธปืนของกลาง โยนทิ้งคล้อง และ จุดสุดท้ายคือจุดที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ ไปปลอมแปลงสีและหมายเลขทะเบียนรถ