svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ผอ.คนใหม่รับ ร.ร.กมลาไสยเป็นหนี้จริง 15 ล้าน!! แต่จ่ายรับเหมาได้เพียงปีละล้าน (มีคลิป)

28 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผอ.โรงเรียนกมลาไสยรับช่วงปี 2558-2559 โรงเรียนเป็นหนี้ผู้รับเหมา และบริษัทห้างร้านต่างๆไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง มูลหนี้สูงถึง 15 ล้านบาทจริง แต่ปัจจุบันสามารถจ่ายคืนได้เพียงปีละ 1 ล้านบาทเท่านั้น และต้องหารเฉลี่ยกันทุกราย เหตุโรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละ 8 ล้านบาท และต้องนำไปพัฒนาการเรียนการสอนเป็นหลัก ขณะที่รับเหมาหญิง"ยายแก้ว"วอนอดีต ผอ.สุรปรีชา กับผอ.เอกรัฐ คนปัจจุบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดโต๊ะเจรจาหาทางออกของปัญหา เหตุทวงหนี้นานกว่า 3 ปีแล้ว หวั่นบ้านและที่ดินถูกยึดเหลือแต่ตัวเปล่า

จากกรณีนางวิจิตรา บุญรัตน์ หรือยายแก้ว อายุ 51 ปี ผู้รับเหมาหญิง ชาว ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์นำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อความคล้ายกับเป็นการทวงหนี้ระบุว่า"ผอ.สั่งทำงาน งานเสร็จ ไม่มีเงินจ่าย ใครจะรับผิดชอบ"และ"ผอ.เห็นพวกเราเป็นคนมั้ย สงสารพวกเราบ้างหรือเปล่า"มาติดไว้บนสะพานลอย ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองกาฬสินธุ์ เนื่องจากต้องการขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 24 หลังก่อสร้างปรับปรุงโรงเรียนจนแล้วเสร็จหลายโครงการ เวลาผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ทางโรงเรียนกลับไม่ยอมจ่ายเงินจำนวน 5,200,000 บาท จนทำให้ครอบครัวเป็นหนี้สินที่นาถูกยึดไม่มีเงินจ่ายค่าแรงคนงาน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 นายเอกรัฐ สารปัง ผอ.โรงเรียนกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาหนี้สะสมที่มียอดสูงของโรงเรียนกมลาไสยเกิดขึ้นในช่วงปี 2558-2559 โดยมียอดหนี้ทั้งหมด 15,173,603 บาท ซึ่งเป็นหนี้ผู้รับเหมารวมทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆไม่ต่ำกว่า 20 ราย แยกเป็น ค่าเช่าคอมพิวเตอร์ จำนวน 4,721,410 บาท และหนี้การจัดซื้อจัดจ้าง 10,452,193 บาท ซึ่งทางโรงเรียนได้ใช้หนี้ไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยเป็นการใช้หนี้ค่าเช่าคอมพิวเตอร์ 3,964,653 บาท ปัจจุบันหนี้ค่าเช่าคอมฯเหลืออยู่ประมาณ 750,000 บาท ซึ่งหลังจากที่ตนมารับตำแหน่งในช่วงเดือนพ.ย.59 ก็ได้หนี้การจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่2559-2561 รวมประมาณ 2,400,000 บาท เฉลี่ยประมาณปีละ 1,000,000 บาท โดยวิธีการจ่ายจัดสัดส่วนแบ่งเงินใช้หนี้ให้กับผู้รับเหมาและห้างร้านต่างๆเท่ากัน ทำให้ทางโรงเรียนเหลือหนี้อยู่รวมทั้งหมดจำนวน 8,764,295 บาท และในปี 2562 นี้ ทางโรงเรียนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อที่จะใช้เงินใช้หนี้จากปีละ 1 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท ซึ่งวิธีการก็จะแบ่งเฉลี่ยจัดสัดส่วนเท่ากันเช่นเดิม
นายเอกรัฐ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรงเรียนกมลาไสยนั้นได้รับการจัดสรรรถประมาณปีละ 8,000,000 บาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวทางโรงเรียนจะต้องนำไปพัฒนาการเรียนการสอนให้สูงขึ้นอย่างเต็มศักยภาพเป็นหลัก รวมทั้งการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งหากเงินเหลือจึงจะสามารถนำมาใช้หนี้ที่เหลือค้างอยู่ได้ เพื่อไม่ให้กระทบการเรียนการสอนและการพัฒนาเด็กนักเรียนที่มีอยู่ปัจจุบันกว่า 2,200 คน
นายเอกรัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนางวิจิตราหรือยายแก้วผู้รับเหมาที่ทางโรงเรียนเป็นหนี้อยู่นั้น ซึ่งทางยายแก้ว ถือเป็นผู้รับเหมาที่ทำงานก่อสร้างให้กับโรงเรียนกมลาไสยมาหลายปี โดยมีหนี้ในช่วงปี 2558 - 2559 ก่อนที่ตนมารับตำแหน่งจำนวน 38 รายการ เป็นเงินทั้งหมด 5,616,625 บาท ปัจจุบันทางโรงเรียนได้ใช้หนี้ให้กับยายแก้วไปแล้วประมาณ 3 แสนกว่าบาท รวมทั้งได้ดำเนินการเยียวยาโดยให้ยายแก้วเข้ามาทำงานรับเหมาซ่อมแซมและก่อสร้างในปี 2561 ที่ผ่านมา งบประมาณ 576,705 บาท ซึ่งรวมกับการที่โรงเรียนใช้หนี้เป็น 917,705 บาท ทำให้ขณะนี้ทางโรงเรียนเป็นหนี้กับยายแก้วเหลือ 4,698,920 บาท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายายแก้วได้เข้ามาพบตนและติดตามเรื่องหลายครั้งมีบางครั้งนั่งร้องไห้ ซึ่งตนก็รู้สึกเห็นใจดังนั้นทางโรงเรียนเตรียมที่จะขอความอนุเคราะห์ไปทางศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ สพม.24 เจ้าหน้าที่ทหาร คณะกรรมสถานศึกษา และฝ่ายปกครอง เพื่อเป็นตัวกลางที่จะเชิญผู้รับเหมาและห้างร้านต่างๆรวมถึงตัวยายแก้วเข้ามาเจรจาหาทางออกร่วมกันในเร็วๆนี้
ด้านนางวิจิตรา บุญรัตน์ หรือยายแก้ว กล่าวว่า ยืนยันว่าทางโรงเรียนเป็นหนี้ค่าก่อสร้างตนในช่วงปี2558-2559ในช่วงผอ.เก่า คือนายสุรปรีชา ไม่ต่ำกว่า 5.2 ล้านบาท และจนถึงปัจจุบันเวลาล่วงเลยผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้ว ตนได้รับเงินใช้หนี้มาเพียง 3 แสนกว่าบาท จากยอดหนี้ 5 ล้านกว่าบาท ซึ่งการใช้หนี้ที่ทางผอ.โรงเรียนสามารถจัดสรรจำนวน 1 ล้านบาทต่อปีนั้นก็ต้องหารเฉลี่ยกันของผู้รับเหมาและห้างร้านทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 10 ราย ทั้งนี้หากทางนายเอกรัฐ ผอ.คนปัจจุบันบอกว่าโรงเรียนเหลือหนี้อยู่ประมาณ 8 ล้านบาท จากทั้งหมดที่เคยเป็นหนี้ 15 ล้านบาทนั้น ก็เท่ากับว่าครึ่งหนึ่งของยอดหนี้ทั้งหมดเป็นเงินของตนที่โรงเรียนค้างอยู่ เพราะปัจจุบันทางโรงเรียนเป็นหนี้ตนอยู่ 4,698,920 บาท
ดังนั้นจึงอยากให้ ผอ.ทั้งสองคน ซึ่งคนหนึ่งเป็นคนว่าจ้างให้ทำงาน ขณะที่เป็นผู้บริหาร และอีกคนหนึ่งในฐานะผอ.ปัจจุบันที่มีอำนาจในการจ่ายเงิน มาหันหน้านั่งคุยปรึกษาหารือกันร่วมกับผู้รับเหมาทุกคนเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้เพราะช่วงนี้สิ้นเดือนแล้วตนต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ยที่นำบ้านที่นาไปจำนองรวมทั้งค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีเงินไปจ่ายเขา อยากขอความเห็นใจกับ ผอ.ทั้งสองคนรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น และให้มีความเป็นธรรมในการจ่ายหนี้เพื่อให้พอที่จะมีเงินไปใช้หนี้และหมุนเวียนซื้อของเพราะไม่ใช่ความเดือดร้อนเพียงตนคนเดียว ยังรวมถึงคนงาน และบริษัทห้างร้านอื่นๆด้วย

logoline