svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

27 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้การกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงความคืบหน้าโครงการจัดตั้งเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation, EECi) จัดพิธีเปิดหน้าดินก่อสร้าง ณ วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ก่อนเริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการเดือนมีนาคมนี้ เป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยขึ้นแท่น "ศูนย์กลางนวัตกรรมชั้นนำ" แห่งใหม่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมสมบูรณ์ ยกระดับงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมระดับประเทศ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

พิธีเปิดหน้าดินก่อสร้างเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิกระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมงาน ณพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยองซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นการก่อสร้างกลุ่มอาคารเมืองนวัตกรรมภาคตะวันออก ระยะที่ 1 ในเดือนมีนาคม 2562นี้


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้




ดร.ณรงค์ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กล่าวว่า สวทช. ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนา EECi ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในทุกภาคส่วน ให้เป็นศูนย์กลางการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดไปสู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์และเชิงสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดย EECi มีอุตสาหกรรมเป้าหมาย 6 ด้าน ได้แก่ 1. เกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพ 2.เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 3. แบตเตอรีประสิทธิภาพสูงและขนส่งสมัยใหม่ 4. ระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 5. เทคโนโลยีการบินและอวกาศ และ 6. เครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งจะร้อยเรียงร่วมกันพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bioeconomy) ของไทยให้มีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


"EECi จึงนับเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมได้อย่างแท้จริงและพิธีการเปิดหน้าดินวันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ โดยภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้ พื้นที่กว่า 3,455 ไร่นี้ของวังจันทร์วัลเลย์จะได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งนวัตกรรมที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมสมบูรณ์ มีสภาวะแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยตั้งเป้าที่จะให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตประกอบไปด้วย สถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัย ห้องทดลอง โรงงานต้นแบบ โรงงานสาธิตและศูนย์วิเคราะห์ทดสอบชั้นนำ พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับเอกชนที่เข้ามาดำเนินการวิจัยและสรรสร้างนวัตกรรมรวมถึงยังมีโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นอีกมากมาย เช่น ที่พักอาศัยโรงพยาบาล โรงแรม และ Community Market รวมไปถึงมีการผ่อนปรนกฎหมาย เพื่อเอื้อต่อการทดสอบนวัตกรรมใหม่เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้พัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ"ดร.ณรงค์ กล่าว


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


การก่อสร้างในเฟสแรกในช่วงระยะเวลา2 ปีต่อไปนี้จะเป็นการก่อสร้างในส่วนของอาคารหลักมูลค่าการลงทุนกว่า 1,100 ล้านบาท โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่EECi, โรงงานต้นแบบ และโรงเรือนอัจฉริยะของ BIOPOLIS (เมืองนวัตกรรมชีวภาพ) รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานรองรับARIPOLIS (เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ), SPACE INNOPOLIS (เมืองนวัตกรรมด้านการบิน และอวกาศ) ระยะเริ่มต้น ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในต้นปี2564 นอกจากนี้ ยังจะมีการลงทุนในส่วนของโรงงานต้นแบบ ไบโอรีไฟเนอรี มูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาทต่อเนื่องในปี 2563 - 2565 เพื่อสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตทางการเกษตรและทรัพยากรชีวภาพของไทยต่อไป


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ดร.ณรงค์เสริมว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EECi อาทิอุตสาหกรรมฐานชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรก้าวหน้า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานอุตสาหกรรมอากาศยานไร้คนขับ โดยสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับประกอบด้วยสิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวสำหรับจัดตั้งศูนย์วิจัยและการเช่าพื้นที่ในอาคารเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้สอยร่วมกัน อาทิ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือวิเคราะห์ทดสอบโรงงานผลิตชิ้นงานต้นแบบ โคเวิร์คกิ้งสเปซ สนามทดลองและทดสอบการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% คงที่สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงการอำนวยความสะดวกในเรื่องวีซ่าทำงานสำหรับผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ การเข้าถึงพื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบเพื่อการทดสอบนวัตกรรม(Regulatory Sandbox) และการเข้าถึงนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญของรัฐต่างๆ


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ทั้งนี้ การลงทุนในพื้นที่ EECi วางสัดส่วนการลงทุนแบบ~30:70 คือ มาจากภาครัฐไม่น้อยกว่า 33,170 ล้านบาท และเหนี่ยวนำการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นกว่า 110,000ล้านบาท ภายในเวลา 20 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการลงทุนดังกล่าวได้กว่า271,000 ล้านบาท


เดินหน้าโครงการ EECi ดันไทยเป็นแหล่งนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

logoline