ด้าน ดร.สมประวิณมันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นว่า แม้ปัจจุบันดูเหมือนมีปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเข้ามาแต่เชื่อว่าด้วยโครงสร้างและนโยบายที่ออกมาแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างช่วยได้พอสมควร และยังทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายทางแต่จุดที่นักเศรษฐศาสตร์กังวลใจ คือเศรษฐกิจดีแต่ทำไมคนไม่รู้สึกการบริโภคยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากรายได้ภาคการเกษตรที่ผ่านมาราคาสินค้าประเภทข้าวเริ่มดีขึ้น แต่ราคาปาล์ม ยาง ยังไม่ดีนักทำให้รายได้ภาคการเกษตรภาคใต้ไม่ค่อยดี การไม่กระจายตัวของรายได้จึงเป็นจุดที่ต้องรีบแก้ไขอย่างไรก็ดี การลงทุนมีสัญญาณที่ดีขึ้น พบยอดการลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างชาติ ในระยะ 9 เดือนแรกของปี 2561 เติบโตเกือบ 5%ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ส่วนการลงทุนภาครัฐหลายโครงการได้ผ่านการอนุมัติและก่อสร้างแล้วจึงเชื่อว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล โครงการเหล่านี้จะยังขับเคลื่อนต่อไป กรณีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯมีผลกระทบต่อไทย 2 แบบคือ ธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยส่งวัตถุดิบหรือกึ่งวัตถุดิบไปประกอบที่จีนเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯเช่น สินค้าเกษตร และเคมีภัณฑ์ ส่วนนี้จะได้รับผลกระทบ อีกแบบคือ สินค้าทดแทนหากไม่นำเข้าจากจีนก็อาจจะนำเข้าจากที่อื่นแทน ซึ่งถือว่าส่วนนี้ไทยจะได้ประโยชน์ แต่ก็พบว่าเวียดนามได้ประโยชน์มากกว่าจากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้นแต่ที่น่ากังวลมากกว่าคือ ทั้งสองประเทศตกลงจะทำการค้ากันมากขึ้นค้าขายกันเองมากขึ้น
ขณะที่ดร.สมประวิณ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสขึ้นได้อีก 1 ถึง 2ครั้งในปีนี้ แต่จะไม่ขึ้นแบบต่อเนื่อง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลต่อการเก็งกำไรจากการลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนแต่จะไม่มีผลกับคนทำงานปกติทั่วไปส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่าน่าจะมาจากปัจจัยนอกประเทศ หากเกิดเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัวก็จะเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ อีกประเด็นที่คนยังไม่พูดกันมากนักคือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถวางกลยุทธ์ได้ถูกต้องเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่คำถามคืออีก 30 ปีข้างหน้าจะเป็นอะไร ซึ่งตนเองก็ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้จึงเป็นโจทย์ที่จะต้องไปคิด ปรับตัวให้เร็วขึ้นบางทีต้องแยกให้ออกถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง และเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวหรือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการแก้ปัญหาไม่ควรผิดพลาดต้องแยกแยะการแก้ปัญหาระยะสั้น และระยะยาวให้ถูก
นอกจากนี้ภายในงานยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก J.P. Morgan มาวิเคราะห์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกและทิศทางการลงทุนในปี 2562 Dr. Jasslyn Yeo, CFA, CFTe Executive Director Global MarketStrategist J.P. Morgan และ Mr. Leon Goldfeld Portfolio Manager, Multi-Asset Solutions J.P.Morgan
เจพี มอร์แกนให้มุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจ เป็นช่วงขาลงก็จริงแต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย จากนี้จะต้องจับตาดูที่นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชัดว่าเป็นอย่างไรเพราะจะส่งผลกับเศรษฐกิจโลก แต่ล่าสุด FED มีเสียงอ่อนลงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยและต้องการรอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นการเพิ่มความระมัดระวังในการตีความว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะหากขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองครั้งเศรษฐกิจโลกจะถดถอยทันที แต่ตอนนี้ FED พิจารณาอย่างระมัดระวังดังนั้น เจพีฯ มองว่าอีก 12 เดือนนับจากนี้ FEDจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนจึงสรุปได้ว่าเศรษฐกิจเป็นขาลงแต่จะยังไม่ถดถอย ส่วนญี่ปุ่นและยุโรปก็ต้องติดตามเช่นกัน แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในลักษณะไซด์เวย์คือไม่ไปไหนเท่าไหร่ ส่วนจีน เติบโตต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 6.4%ส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจที่ต้องการลดความร้อนแรงของจีนเองและสงครามการค้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ทำให้เกิดความท้าทายกับจีนมากขึ้นอย่างไรก็ดี ประเด็นความตึงเครียดทางการค้าจะยืดเยื้อต่อไปแต่ไม่รุนแรง ดังนั้นแม้เป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปแต่ไม่ให้น้ำหนักมากนัก ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวเจพีฯ ค่อนข้างชอบสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลซึ่งหากเรามองว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้มีความเสี่ยงสินทรัพย์ประเภทนี้ก็จะมีความปลอดภัยเพราะไปในทิศทางตรงข้ามกับตลาดหุ้น ส่วนหุ้นหาก FED ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย หุ้นสหรัฐยังไปได้อยู่และน่าจะให้ผลกำไร 10% ต่อปี ทำให้หุ้นสหรัฐฯ ยังคงลงทุนได้สำหรับมุมมองการจัดสรรพอร์ตการลงทุน มองออกเป็นสองส่วน คือตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ จะเป็นการกระจายการลงทุนด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมหากจีนเกิดปัญหาอาจมีผลในเชิงลบกับตลาดเกิดใหม่ แต่ภาพดังกล่าวยังไม่ชัด เมื่อไม่ชัดจึงเลือกให้น้ำหนักกับส่วนที่มีความปลอดภัยมากกว่าคือให้น้ำหนักไปที่ตลาดพัฒนาแล้วมากกว่า
งาน KRUNGSRIEXCLUSIVE Economic and Investment Outlook 2019 เป็นหนึ่งในเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ากรุงศรีเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเข้าร่วมสัมมนาด้านการเงินการลงทุน ร่วมรับฟังทิศทางการลงทุนและมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกโดยนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ และการลงทุนระดับแนวหน้าของประเทศ ไปจนถึงระดับโลกรวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและบริษัทในเครือกรุงศรี เพื่อให้ก้าวทันภาวะการเงินและเศรษฐกิจที่ไม่หยุดนิ่งเอกสิทธิ์พิเศษนี้ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ จัดขึ้นเพื่อลูกค้าคนสำคัญอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี