svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

กรุงศรี แนะลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย จับตาเทรดวอร์-การเลือกตั้งเจพีฯ

27 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ" จัดงาน KRUNGSRI EXCLUSIVE Economic and Investment Outlook 2019 เชิญกูรูด้านเศรษฐกิจ -การเงินและการลงทุน เจาะลึกภาพรวมเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2019 เกาะติดปัจจัยเสี่ยงภายใน-นอกประเทศมีเพิ่มขึ้น ชี้เศรษฐกิจไทยยังโตตามศักยภาพ 3-4% ด้าน เจพี มอร์แกน จับตาผลประชุมเฟด แนะลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย

ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในหัวข้อ Thailand Economic Outlook 2019 เศรษฐกิจไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ว่าจากประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากสำนักวิจัยต่างๆ มองการเติบโตที่ 3-4% ถือว่าเป็นการขยายตัวตามศักยภาพโดยการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่คาดหวังว่าจะกลับมาซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยที่จะพิจารณาคือ การเลือกตั้ง, การมีโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)รวมไปถึงการผ่านเรื่องโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าซึ่งเมื่อภาครัฐเริ่มเดินเครื่องการลงทุนเหล่านี้แล้วการลงทุนภาคเอกชนก็จะขยายตัวตามมา ส่วนการบริโภคที่เคยเป็นห่วงและการส่งออกมีแต่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ได้รับประโยชน์ในประเด็นนี้ภาพได้เปลี่ยนมาครึ่งปีกว่าแล้ว คือเริ่มเห็นการผงกหัวขึ้น ภาคการเกษตรขยับตัวชัดเจนการจ้างงาน การบริโภค และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เริ่มอยู่ตัวที่ยังน่าเป็นห่วงคือภาคการเกษตร แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับภาพใหญ่ของเศรษฐกิจซึ่งน่าจะขยายตัวได้ 3% กว่า ๆ หรือเกือบ 4% ส่วนประเด็นสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯหรือ เทรดวอร์ เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาว เพราะสหรัฐฯยกตัวเลขการขาดดุลการค้ามาเป็นข้ออ้าง แท้จริงแล้วต้องการให้จีนเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเทคโนโลยีซึ่งจีนมีท่าทีที่อ่อนลง และพร้อมจะซื้อสินค้าจากอเมริกามากขึ้น แต่ปัญหาไม่น่าจะจบลงได้ง่ายๆ และรูปแบบการเจรจาน่าจะใช้เวลา แต่หากปัญหายืดเยื้อนานเกินไป ก็จะไม่เป็นผลดีนักส่วนที่คนห่วงว่าสหรัฐอเมริกามีโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยความเสี่ยงที่ว่านั้นมีอยู่แต่ไม่คิดว่าแย่โดยยังมีเศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่อื่นค้ำจุนอยู่ เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป

 

กรุงศรี แนะลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย จับตาเทรดวอร์-การเลือกตั้งเจพีฯ


 

ด้าน ดร.สมประวิณมันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นว่า แม้ปัจจุบันดูเหมือนมีปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเข้ามาแต่เชื่อว่าด้วยโครงสร้างและนโยบายที่ออกมาแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างช่วยได้พอสมควร และยังทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายทางแต่จุดที่นักเศรษฐศาสตร์กังวลใจ คือเศรษฐกิจดีแต่ทำไมคนไม่รู้สึกการบริโภคยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากรายได้ภาคการเกษตรที่ผ่านมาราคาสินค้าประเภทข้าวเริ่มดีขึ้น แต่ราคาปาล์ม ยาง ยังไม่ดีนักทำให้รายได้ภาคการเกษตรภาคใต้ไม่ค่อยดี การไม่กระจายตัวของรายได้จึงเป็นจุดที่ต้องรีบแก้ไขอย่างไรก็ดี การลงทุนมีสัญญาณที่ดีขึ้น พบยอดการลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างชาติ ในระยะ 9 เดือนแรกของปี 2561 เติบโตเกือบ 5%ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ส่วนการลงทุนภาครัฐหลายโครงการได้ผ่านการอนุมัติและก่อสร้างแล้วจึงเชื่อว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล โครงการเหล่านี้จะยังขับเคลื่อนต่อไป กรณีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯมีผลกระทบต่อไทย 2 แบบคือ ธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยส่งวัตถุดิบหรือกึ่งวัตถุดิบไปประกอบที่จีนเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯเช่น สินค้าเกษตร และเคมีภัณฑ์ ส่วนนี้จะได้รับผลกระทบ อีกแบบคือ สินค้าทดแทนหากไม่นำเข้าจากจีนก็อาจจะนำเข้าจากที่อื่นแทน ซึ่งถือว่าส่วนนี้ไทยจะได้ประโยชน์ แต่ก็พบว่าเวียดนามได้ประโยชน์มากกว่าจากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้นแต่ที่น่ากังวลมากกว่าคือ ทั้งสองประเทศตกลงจะทำการค้ากันมากขึ้นค้าขายกันเองมากขึ้น

 

 

กรุงศรี แนะลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย จับตาเทรดวอร์-การเลือกตั้งเจพีฯ


ดร.สมชัยกล่าวอีกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2561ที่ผ่านมาไม่ได้มีผลอะไรมากนักสิ่งที่เห็นคือดอกเบี้ยในตลาดเงินระยะสั้นปรับขึ้นจริง แต่ดอกเบี้ยระยะยาวไม่ได้ขึ้นเลย ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับขึ้นก็เป็นการขึ้นแบบเฉพาะเจาะจงวงเงินไม่มาก เหตุผลของการปรับขึ้นก็ชัดเจนตามคำชี้แจงของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง) คือกังวลต่อความเปราะบางในระบบการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ภาคอสังหาฯปล่อยกู้สหกรณ์ออมทรัพย์และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อเปิดช่องหรือโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยกรณีเศรษฐกิจแย่มากๆ  ส่วนปัจจัยเสี่ยงในขณะนี้คงต้องพูดถึงเรื่องเลือกตั้ง เพราะว่ามีผลถึงความต่อเนื่องของนโยบายซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้คาดเดาค่อนข้างยาก ที่เดาได้คือมีรัฐบาลผสมแต่ที่เดาไม่ได้คือพรรคใดจะผสมกับพรรคใด เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ประเด็นถัดมาคือเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วและตั้งรัฐมนตรีแล้วจะบริหารประเทศได้หรือไม่ เพราะต้องผ่านกฎหมายสภาล่างที่สำคัญคือ พ.ร.บ.งบประมาณจะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านก็บริหารประเทศไม่ได้ไม่มีเงินใช้ แต่ก็มีช่องทางเปิดให้คือหากกฎหมายไม่ผ่านด้วยสาเหตุบางประการ เมื่อมีรัฐบาลก็อนุโลมให้เอางบประมาณปีก่อนหน้ามาใช้ได้ แต่ก็ไม่มีใครอยากให้ไปถึงช่องนั้น 

 


กรุงศรี แนะลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย จับตาเทรดวอร์-การเลือกตั้งเจพีฯ


ขณะที่ดร.สมประวิณ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสขึ้นได้อีก 1 ถึง 2ครั้งในปีนี้ แต่จะไม่ขึ้นแบบต่อเนื่อง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลต่อการเก็งกำไรจากการลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนแต่จะไม่มีผลกับคนทำงานปกติทั่วไปส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่าน่าจะมาจากปัจจัยนอกประเทศ หากเกิดเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัวก็จะเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ อีกประเด็นที่คนยังไม่พูดกันมากนักคือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถวางกลยุทธ์ได้ถูกต้องเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่คำถามคืออีก 30 ปีข้างหน้าจะเป็นอะไร ซึ่งตนเองก็ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้จึงเป็นโจทย์ที่จะต้องไปคิด ปรับตัวให้เร็วขึ้นบางทีต้องแยกให้ออกถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง และเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวหรือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการแก้ปัญหาไม่ควรผิดพลาดต้องแยกแยะการแก้ปัญหาระยะสั้น และระยะยาวให้ถูก

 

 

 

นอกจากนี้ภายในงานยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก  J.P. Morgan มาวิเคราะห์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกและทิศทางการลงทุนในปี 2562 Dr. Jasslyn Yeo,  CFA, CFTe Executive Director Global MarketStrategist J.P. Morgan และ Mr. Leon Goldfeld  Portfolio Manager, Multi-Asset Solutions J.P.Morgan

 



เจพี มอร์แกนให้มุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจ เป็นช่วงขาลงก็จริงแต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย จากนี้จะต้องจับตาดูที่นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชัดว่าเป็นอย่างไรเพราะจะส่งผลกับเศรษฐกิจโลก แต่ล่าสุด FED มีเสียงอ่อนลงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยและต้องการรอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นการเพิ่มความระมัดระวังในการตีความว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะหากขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองครั้งเศรษฐกิจโลกจะถดถอยทันที แต่ตอนนี้ FED พิจารณาอย่างระมัดระวังดังนั้น เจพีฯ มองว่าอีก 12 เดือนนับจากนี้ FEDจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนจึงสรุปได้ว่าเศรษฐกิจเป็นขาลงแต่จะยังไม่ถดถอย ส่วนญี่ปุ่นและยุโรปก็ต้องติดตามเช่นกัน แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในลักษณะไซด์เวย์คือไม่ไปไหนเท่าไหร่ ส่วนจีน เติบโตต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 6.4%ส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจที่ต้องการลดความร้อนแรงของจีนเองและสงครามการค้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ทำให้เกิดความท้าทายกับจีนมากขึ้นอย่างไรก็ดี ประเด็นความตึงเครียดทางการค้าจะยืดเยื้อต่อไปแต่ไม่รุนแรง ดังนั้นแม้เป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปแต่ไม่ให้น้ำหนักมากนัก ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวเจพีฯ ค่อนข้างชอบสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลซึ่งหากเรามองว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้มีความเสี่ยงสินทรัพย์ประเภทนี้ก็จะมีความปลอดภัยเพราะไปในทิศทางตรงข้ามกับตลาดหุ้น ส่วนหุ้นหาก FED ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย หุ้นสหรัฐยังไปได้อยู่และน่าจะให้ผลกำไร 10% ต่อปี ทำให้หุ้นสหรัฐฯ ยังคงลงทุนได้สำหรับมุมมองการจัดสรรพอร์ตการลงทุน มองออกเป็นสองส่วน คือตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ จะเป็นการกระจายการลงทุนด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมหากจีนเกิดปัญหาอาจมีผลในเชิงลบกับตลาดเกิดใหม่ แต่ภาพดังกล่าวยังไม่ชัด เมื่อไม่ชัดจึงเลือกให้น้ำหนักกับส่วนที่มีความปลอดภัยมากกว่าคือให้น้ำหนักไปที่ตลาดพัฒนาแล้วมากกว่า

 



งาน KRUNGSRIEXCLUSIVE Economic and Investment Outlook 2019 เป็นหนึ่งในเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ากรุงศรีเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเข้าร่วมสัมมนาด้านการเงินการลงทุน ร่วมรับฟังทิศทางการลงทุนและมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกโดยนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ และการลงทุนระดับแนวหน้าของประเทศ ไปจนถึงระดับโลกรวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและบริษัทในเครือกรุงศรี เพื่อให้ก้าวทันภาวะการเงินและเศรษฐกิจที่ไม่หยุดนิ่งเอกสิทธิ์พิเศษนี้ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ จัดขึ้นเพื่อลูกค้าคนสำคัญอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี 

logoline