ช่วงเย็นวันนี้ (20 ก.พ.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เดินพบปะพี่น้องประชาชนคนรุ่นใหม่ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซนต์ รวมทั้งเข้ามาให้กำลังใจอย่างคึกคัก
และจากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับประวัติการทำงานของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ทางเว็บไซด์ของพรรคได้มีการบอกเล่าถึงประวัติ การทำงาน โดยช่วงหนึ่งของประวัติ ได้ระบุว่า นายธนาธร เคยเป็นประธานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ติดต่อกันถึง 2 สมัยซ้อน คือช่วงตั้งแต่ปี 2551-2555 แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่านายธนาธร เคยเป็นประธานฯแต่อย่างใด ซึ่งคนที่เป็นมีเพียง นายสันติ วิลาสศักดานนท์ 2553 นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล 2555 นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นสมัยที่ 2
และล่าสุดเว็บไซด์ของพรรคอนาคตใหม่ ได้มีการแก้ไขประวัติการทำงานของนายธนาธร ใหม่ โดยระบุว่า นายธนาธร เคยได้รับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครนายก ตั้งแต่ปี 2550 - 2554 และยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ระหว่างปี 2550 2553
อ่านเพิ่มเติม : #พ่อหลอกฟ้า !!! ชาวเน็ตแคปทัน...เว็บพรรคอุปโลกน์ประวัติ "ธนาธร" ขึ้นมาเอง?
ในเรื่องนี้ นายธนาธร กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์ของพรรคใส่ประวัติของนายธนาธรผิดพลาดว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 ปีซ้อน ว่า ตนขอยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของทีมงานที่อาจมีความสับสนและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยืนยันว่าทางพรรคไม่ได้ต้องการบิดเบือนข้อมูลประวัติของตน เพราะทุกคนสามารถตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ตได้อยู่แล้ว ทางพรรคจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปลอมแปลงในเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่นายธนาธร วิพากษ์ว่ารอยยิ้มของคนไทยเป็นเพราะไม่มีจุดยืน รวมถึงปฏิบัติการ IO บนโซเชียลมิเดีย นายธนาธร กล่าวว่า สิ่งที่เราวิพากษ์วิจารณ์สังคม เราไม่ได้วิจารณ์ด้วยความเกลียดสังคมไทย แต่เราเชื่อว่าสังคมที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะไปไกลกว่านี้ ซึ่งเราไม่พอใจว่าทำไมประเทศเราถึงไปได้แค่นี้ ดังนั้นเราจึงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้า ไม่ใช่ทำไปเพื่อความเกลียดชังอย่างที่พวกเขาพยายามจะป้ายสีให้เราเป็น เช่นเดียวกับกรณีที่ตนพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีการตัดต่อข้อความบางส่วนไปเผยแพร่นั้น ถือเป็นการเมืองแบบเก่า ที่มุ่งแต่จะทำลายกันด้วยคำลวง คำที่ทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน เรายืนยันว่า จะไม่สาดโคลนกลับไปใส่ใคร ทุกครั้งที่พรรคอนาคตใหม่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นในสังคมนั้น เราพูดด้วยหลักการ ซึ่งเราไม่เคยวิพากษ์ วิจารณ์ตัวบุคคล และขอยืนยันว่าเราจะทำการเมืองสร้างสรรค์เพื่อต่อสู้กับคำโกหก ที่ทำให้ประชาชนแบ่งแยกกัน มีทางเดียวคือใช้ความสร้างสรรค์ที่จริงใจ ใช้ความจริงตอบโต้
ส่วนกรณีประเด็นที่ทาง คสช.ได้มีการแจ้งความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เรื่องพลังดูด ส.ส.นั้น นายธนาธร บอกว่า ตนตั้งประเด็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เพราะอะไรถึงต้องมีเร่งรัดคดีในช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในอีก 1 เดือน ทั้งนี้ตนไม่ได้เตรียมใจ หรือคิดว่าอาจจะถึงขั้นต้องถูกคุมตัวฝากขังหรือไม่ เพราะพรรคอนาคตใหม่หากไม่มีตนก็ยังมีคนอื่น พร้อมจะเดินหน้าเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อไป ทุกวันนี้พรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่ของตนแต่เป็นของทุกคนในพรรค
ขณะที่กระแสของฟ้ารักพ่อ ที่สนับสนุนอนาคตใหม่ให้เป็นรัฐบาลแต่แสดงจุดยืนว่าจะไม่สนับสนุนให้ร่วมตั้งพรรคกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายธนาธร บอกว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่อยากให้ทุกคนตัดประเด็นพรรคการเมืองทิ้งไป เพราะตนยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับทุกพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่ตนยินดีจะร่วมกับพรรคที่พร้อมจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยเท่านั้น
ต่อข้อถามว่า เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี จะเชื่อได้อย่างไรว่าคนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียงของพรรคจริงๆ นายธนาธรกล่าวว่า คงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คนรุ่นใหม่สนใจพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่ที่หน้าตา แต่เป็นที่เนื้อหาและนโยบายของพรรค อย่างวันนี้ กระแสในทวิตเตอร์อันดับ 1 คือ #Savethanathorn แปลว่า พวกเขาเข้าใจดีว่าสังคมเกิดอะไรขึ้นทำให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และพรรคอนาคตใหม่คือความหวัง
ด้านประเด็น ส.ส.เขต 1 ลำปางที่ถูกออกมาแฉว่ามีการล็อบบี้กันนั้น นายธนาธร กล่าวว่า ส่วนตัวขอชี้แจ้งว่า สส. ของพรรคมีคนมาสมัครกว่า 850 แต่ต้องเลือกเพียงแค่ 350 คน ซึ่งการคัดเลือกเป็นไปตามความเหมาะสม ตนก็เห็นใจคนที่ไม่มีรายชื่อ แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย เพราะปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้น แต่เกิดกับทุกพรรคการเมืองของไทยที่ต้องมีการคัดเลือก
ส่วนประเด็นที่มีกระแสเรื่องของการตัดงบทหาร ที่ทาง ผบ.ทบ.ออกมาบอกให้นักการเมืองไปฟังเพลงหนักแผ่นนั้น นายธนาธร บอกว่า ที่พรรคเสนอตัดงบ 30 เปอร์เซ็นต์นั้น เพราะต้องการนำเงินส่วนที่ไม่จำเป็นมากระจายให้กับพี่น้องประชาชน ตนไม่ได้บอกว่าทหารไม่ได้ไม่มีความจำเป็น แต่การที่ประเทศไทยมีนายพล 1,800 นาย มีทหารอีก 4 แสนกว่านายนั้น มันมีมากเกินไป ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีเยอะขนาดนี้จึงอยากจะให้กระจายงบประมาณออกไปใช้ในส่วนที่จำเป็น เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราเสนอ อาจไปกระทบกับผลประโยชน์ของผู้นำกองทัพมาก เขาจึงต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีหลายพรรคการเมืองอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คสช. หากสถานการณ์นำไปสู่การรัฐประหาร พรรคอนาคตใหม่จะทำอย่างไร แล้วใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ นายธนาธรกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ตึงเครียดมาก หากเกิดอุบัติเหตุนิดเดียวอาจกลายเป็นสึนามิทางการเมือง ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันกดดัน อย่าพึ่งลดการ์ดลง อย่าให้ใครใช้รัฐประหารในการแก้ปัญหา เพราะหากเกิดรัฐประหารอีกครั้งประเทศจะพัง และขอฝากให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำการเลือกตั้งครั้งนี้เท่าเทียมกันในทุกพรรคการเมือง เพราะนี่เป็นก้าวแรกที่จะเดินไปสู่ทางออก เพราะตนเชื่อว่า การเลือกตั้งและระบบรัฐสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทย หากเกิดรัฐประหารจริง คนที่รับผิดชอบคือคนที่ทำ
เมื่อถามต่อว่า ท่าทีตอนนี้เหมือนกับพยายามไม่ให้มีการเลือกตั้ง นายธนาธรกล่าวว่า หากไม่ถึงวันที่ 24 มีนาคม ก็อย่าพึ่งไว้วางใจ ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนปรารถนาดีกับประเทศ ไม่มีใครอยากล้มการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่แน่