ซึ่ง สำนักงานต่างประเทศได้ยื่นคำฟ้องไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวแล้ว ก็อนุญาตให้อัยการถอนฟ้องคดีได้ ขณะที่ "นายชัชชม อรรฆภิญญ์" อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวว่า
เมื่อช่วงเช้า (11 ก.พ.) ที่ผ่านมา อัยการได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบว่า ทางการประเทศบาห์เรน แสดงความประสงค์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้อีก โดยคณะทำงานของอัยการก็ได้ประชุมหารือกันแล้ว ทั้งพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี ก็เห็นว่าเมื่อประเทศบาห์เรนแสดงความประสงค์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอีกต่อไป กรณีจึงไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณะตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 21 ที่บัญญัติให้อัยการมีอิสระในการที่นาสั่งคดี ไปหาอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็สั่งไม่ฟ้องได้
ดังนั้นอัยการสำนักงานต่างประเทศจึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลอาญา ซึ่งศาลก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้วตามขั้นตอน ก็จะต้องปล่อยตัวในฮาคิมให้เป็นอิสระโดยทันที จะไม่คุมขังไว้อีกแม้แต่นาทีเดียว
ส่วนการจะเดินทางกลับออกนอกประเทศอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ด้าน "นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน" ทนายความของนายฮาคีม เปิดเผยว่า ส่วนตนยังไม่ได้รับการแจ้งหรือประสานจากศาลหรือเจ้าหน้าที่ศาล ในเรื่องที่อัยการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีแต่อย่างใด โดยกรณีดังกล่าวก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาไปได้เลยเพราะกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างศาลกับอัยการ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายจำเลยก็ปฏิเสธ การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสอบถามฝ่ายจำเลยอีกเพราะการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลยอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง กระบวนการปล่อยตัว ก็จะดำเนินการที่เรือนจำ ซึ่งตนเองก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำว่าจะปล่อยตัวเมื่อใดเวลาใด ส่วนการ ออสเตรเลียอย่างไรนั้น ตนเห็นว่าถ้าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้วมีการปล่อยตัว ทางสถานทูตของออสเตรเลีย ก็คงจะดำเนินการในการมาติดตามรับตัวเพื่อเดินทางกลับไปยังประเทศ