ผมขอเล่าประสบการณ์ตอนเป็นนายกฯให้ฟังครับ มีรัฐมนตรีบางคนซึ่งก็ทิ้งผมไปแล้ว บ้างตายไปบ้างเวลาลงโทษหรือย้ายข้าราชการไปที่แย่ลงขาดภาวะผู้นำที่จะ
บอกว่าตัวเองสั่ง ก็อ้างว่านายกฯสั่ง บางที่ไปทำอะไรก็มารายงานให้ทราบทั้งๆที่เรื่องอยู่ในอำนาจรมต. พอมีคนที่ได้รับผลกระทบมาโวยก็บอกว่านายกฯสั่ง
หลังจากผมพ้นนายกฯ แล้วจึงมีคนกล้ามาพูดให้ผมฟัง นี่คือวัฒนธรรมที่ไม่ดีอย่างหนึ่งที่อยู่ในตัวของคนขาดภาวะผู้นำและวันนี้ท่ามกลางกระแสความขัดแย้ง
ที่ฝ่ายหนึ่งทำผิดก็ถูก อีกฝ่ายหนึ่งทำไม่ผิดก็ต้องผิด จึงเกิดอาการใหม่ขึ้นครับคือมองฝ่ายและรอสัญญาณคือไม่พิจารณาตามข้อเท็จจริงข้อกฎหมายและ
หลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติกันมาหรือหลักสากล ถ้าไม่มีสัญญาณล่ะก็แดงผิดไม่แดงถูก ความที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนานทำให้เกิดอาการอ้างเหมือนที่
ผมเคยโดนมา ตอนนี้อำนาจและผลประโยชน์ในช่วงนี้มากมายเหลือเกินก็เลยต้องอ้างแบบที่เช็คไม่ได้ให้กลัวไว้ก่อนจึงเอาเจ้านายมาอ้าง ผมเป็นคนธรรมดา
ที่เช็คได้ยังถูกอ้างแล้วเจ้านายสถาบันสูงสุดไม่มีใครบังอาจโทรไปตรวจสอบอะไรเลยถูกอ้างกันเพลิน ทำให้เจ้านายถูกเข้าใจผิดโดยคนที่ถูกผลกระทบได้
นอกจากนั้นยังเกิดข่าวลือต่างๆนานา จากการที่ทำเป็นอาสาจะปกป้องสถาบันขึ้นมากล่าวหาคนอื่นไม่จงรักภักดีบ้าง ที่สุดคือเจ้านายและสถาบันฯเสียหาย
ทางออกที่ดีคือการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นโดยเร็ว คนที่รักษาระบบก็ขอให้ปฏิบัติที่เล่าเรียนและอบรมมาโดยอยู่ในหลักนิติธรรมและคุณธรรมตลอดจน
ปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเสีย อย่าเอาระบบไปเล่นการเมืองกับเขา เพราะเจ้านายทรงอยู่เหนือการเมือง อย่ารอสํญญาณปลอมๆเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดเลย
ส่วนทุกฝ่ายที่คิดจะเอาเป็นเอาตายกันวันนี้ก็ต้องรู้จักถอยคนละก้าวสองก้าวหันหน้าเข้าหากันด้วยความตระหนักว่าเราาคือคนไทยด้วยกันแล้วมาร่วมกัน
.
.