กระทรวงฯ ได้นำเสนอข้อมูลอุบัติเหตุในภาพรวมของประเทศ อุบัติเหตุบนโครงข่ายคมนาคม และอุบัติเหตุในพื้นที่นำร่อง ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 หลังนำองค์ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญและการศึกษาดูงานด้านความปลอดภัยทางถนน ณ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงก่อนหน้านี้มาปรับใช้นำร่องในถนน 14 สายทาง โดยแบ่งมาตรการเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านถนน รถหรือยานพาหนะ การตรวจสภาพรถ ด้านคนหรือผู้ขับขี่ และด้านข้อมูล ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบในด้านต่าง ๆ ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทปรับปรุงถนนให้ปลอดภัย เช่น การทาพื้นผิวจราจรเป็นสีแดง (Red Anti - Skid) ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายจำกัดความเร็วที่เหมาะสมเป็นระยะๆ และการลดขนาดช่องจราจรให้แคบลง เพื่อบังคับผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว กรมการขนส่งทางบกกำกับดูแลความปลอดภัยรถโดยสารธารณะ เช่น การตรวจสอบความพร้อมของรถบัสและผู้ขับ ณ สถานีขนส่ง 195 แห่ง สถานีย่อยและจุดตรวจ 18 แห่ง ทั่วประเทศ เข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตขับรถ การทดสอบก่อนออกใบอนุญาตฯ การตรวจสภาพรถ และมาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้ขับ เช่น การจัดโครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ กำหนดเขตสวมหมวกนิรภัย 100 % การรถไฟแห่งประเทศไทย ติดตั้งปุ่มฉุกเฉินที่ทางแยกเพื่อหยุดรถไฟ สร้างทางรถไฟต่างระดับ และติดตั้งสิ่งกีดขวางอัตโนมัติบริเวณจุดตัดทางรถไฟ เป็นต้นกระทรวงฯ จะนำมาตรการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุดังกล่าวมาปรับใช้เป็นมาตรฐานของไทย เพื่อขยายผลให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทนำไปใช้กับสายทางอื่นที่มีโครงสร้างกายภาพทางถนนรูปแบบเดียวกันกับถนนนำร่อง และนำไปประยุกต์ใช้กับสายทางอื่นๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งได้หารือแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการความปลอดภัยที่ได้ปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งเป็นระยะกลางของความร่วมมือ เพื่อกำหนดมาตรฐานในการนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้มอบของที่ระลึกให้ MLIT และขอบคุณ JICA ที่ได้ให้คำแนะนำในการลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย พร้อมทั้งระบุว่า อยากให้มีความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป ให้ขยายจำนวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเป็นคณะทำงานฯ ซึ่งกระทรวงฯ จะดำเนินการต่อเนื่องโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาทางกายภาพของเส้นทางต่าง ๆ รวมทั้งปลัดกระทรวงฯ จะเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยคมนาคม เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบโดยตรง และขณะนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการแล้ว