svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

"ก็อต จิรายุ" ปลื้ม!!! คว้ารางวัลนักแสดงระดับเอเชีย ชี้ไร้แพลนแต่งงาน

06 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของวงการการแสดงในบ้านเรา เมื่อ "ก็อต-จิรายุ ตันตระกูล" สามารถคว้ารางวัลในต่างประเทศ จากละครเรื่อง "คมแฝก "ในรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม"" บนเวที Asian Television Awards ซึ่งถือเป็นเวทีประกาศรางวัลใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของเอเชีย และเป็นรางวัลที่ได้รับการเฉลิมฉลองมากที่สุดในอุตสาหกรรมทีวีเอเชียอีกด้วย

เป็นการก้าวสู่ความฝันด้านการแสดงที่จะโกอินเตอร์ไปต่างประเทศอีกขั้นสำหรับหนุ่ม"ก็อต-จิรายุ ตันตระกูล" ที่เป็นอีกนักแสดงไทยมากฝีมือที่สามารถสร้างชื่อและคว้ารางวัลบนเวทีAsian Television Awards 2018โดยเวทีนี้ถือเป็นเวทีประกาศรางวัลใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของเอเชีย โดยหนุ่มก็อตนั้นได้รับรางวัลจากบทบาท"แสนราชสีห์" จากละครเรื่อง"คมแฝก "ในรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม"

ก็อต เปิดใจในงานบวงสรวงภาพยนต์เรื่องแรกของปีของตัวเองว่ารู้สึกดีใจที่เป็นหน้าเป็นตาให้คนบ้านเราเพราะมีคนจากหลายประเทศเข้าชิง ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ ตอนไปนั่งก็ยังมึนๆ อยู่เดินเข้าไปก็ยังเอ๊ะชื่อตัวเองเหรอ ตอนวินาทีประกาศชื่อตนเอง ก็กังวนว่าจะพูดอะไรดีแต่ก็มีคิดในใจว่าต้องของคุณผู้ใหญ่ทางช่องที่ให้โอกาสจริงแล้วตอนมีรายชื่อเข้าชิงก็ไม่ได้คาดหวังเพราะดูจากโปรดักชั่นของหลายประเทศแล้วก็รู้สึกตะลึงเหมือนกัน

ก็อต เล่าวต่อว่าสำหรับเกณฑ์การตัดสินนั้นกรรมการดูจากการแสดงตั้งแรกจนจบซึ่งถ้าดูทั้งเรื่องผู้ตัดสินจะเห็นว่าตัวเองนั้นได้ใส่รายละเอียดอะไรไปเยอะพอสมควร จริงๆ รู้สึกว่าหายเหนื่อยเพราะว่าคนดูชอบ


สำหรับปีนี้นอกจากหนุ่มก็อต จะงานแน่นที่มีคิวถ่ายภาพยนตร์ถึง 2 เรื่องและละครที่กำลังดูคิวแล้วเรียกว่าแฮปปี้สุด ๆด้านหัวใจก็จะพองโตมีความสุขไม่แพ้กัน ที่ช่วงนี้จะอวดหวาน และแกล้งแฟนสาวโบว์เบญจวรรณ ผ่านโลกออนไลน์บ่อย


ก็อต ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มว่า อาจเพราะไม่มีใครยอมเล่นกับผมสักเท่าไหร่มีแค่เขาคนเดียว จริงๆ แล้วสาวโบว์ ก็แกล้งตัวเองเยอะกว่า แกล้งแบบแสบๆ เลยด้วยแต่เขาไม่ยอมเอามาโพสต์ลง


ส่วนเรื่องแพลนวิวาห์ตอนนี้ก็ยังไม่มีเพราะทั้งคู่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ก็มีความสุขอยู่แล้วส่วนใหญ่จะวางแผนเรื่องใหญ่อย่าง ทำงานภายใน 6 ปีนี้ เพื่อจุดประสงค์หนึ่งวางแผนเกษียรงานในวงการ รวมถึงเรื่องของการเสียชีวิตด้วย

ได้เป็นตัวแทนนักแสดงไทยรับรางวัล รู้สึกอย่างไร


"ก็รู้สึกดีใจที่เป็นหน้าเป็นตาให้คนบ้านเราด้วยเพราะมีคนจากหลายประเทศเข้าชิง ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ (หัวเราะ) ไปนั่งก็ยังมึนๆอยู่ เดินเข้าไปก็ยังเอ๊ะชื่อกูเหรอ"

วินาทีที่เขาประกาศชื่อเรา


"เอาตรงๆ คือ ฉิบหายแล้วกูจะพูดอะไรดี (หัวเราะ) ไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรเลยครับก็ด้นๆ ไปตรงนั้น แต่เรารู้แล้วว่าเราอยากขอบคุณใครบ้าง ก็ขอบคุณช่อง 3ขอบคุณพี่นก ฉัตรชัย ขอบคุณอาจารย์ของเรา"

ที่ไปก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ใช่มั้ย


"ด้วยความที่มันเป็นรางวัลใหญ่ แล้วมันเข้าชิงหลายประเทศโปรดักชั่นของไต้หวันเราเห็นก็ยังว้าว เราก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นครับ"

มันต่อยอดจากความฝันของเราที่อยากไปโกอินเตอร์มั้ย


"ใช่ครับ คือผมดีใจไม่ใช่เพราะว่าละครดังนะแต่ดีใจที่ว่าเราได้สานฝันเราให้เป็นจริงเราทำให้งานของเรามีคนยอมรับไม่ใช่แค่ในประเทศ"

ภูมิใจขนาดไหน


"ภูมิใจครับ (ยิ้ม)"

ได้ถามมั้ยว่าทำไมเขาถึงชอบเรา


"ก็แอบถามครับว่าตัดสินยังไง เขาเอาซีนไหนไปดูเขาก็บอกว่าเขาดูตลอดทั้งเรื่องซึ่งถ้าเขาดูทั้งเรื่องเขาจะเห็นว่าผมใส่รายละเอียดอะไรไปเยอะพอสมควรถ้าคนดูเป็นเขาก็จะดูออกว่าไอ้นี่มันใช้เทคนิคนี้ๆ"

เรื่องต่อไปพอมีรางวัลการันตีแล้วเราต้องเข้มข้นกว่าเดิมมั้ย


"ทำงานไม่ได้คาดหวังรางวัล แต่คาดหวังคุณภาพสู่ผู้ชมสู่คนดูครับ(ยิ้ม)"

หายเหนื่อยมั้ยอยู่วงการมาหลายปีแล้วได้รางวัลนี้มา


"จริงๆ หายเหนื่อยเพราะว่าคนดูชอบมากกว่า รางวัลเป็นสิ่งที่ได้มาและต้องผ่านไปเพราะถ้าเราไปชื่นชอบกับคำชมมาก วันนึงพอคนด่าเราก็จะรับไม่ได้ครับ"

ปีนี้ละครกี่เรื่อง


"ปีนี้จะเป็นภาพยนตร์ซะมากกว่า ตอนนี้ก็มี 2 เรื่องแต่ยังรับได้อีกครับ (หัวเราะ) แต่ละครก็ยังคุยๆ กันอยู่ครับแต่พอดีคิวมันชนกันนิดหน่อย อยู่ที่ว่าสางคิวได้แค่ไหน"

ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความรักของเราจะหวานขึ้นมากๆ?


"เป็นปกติครับคือผมมีอินสตาแกรมก็เลยต้องสร้างภาพนิดหนึ่ง"

หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราถึงชอบแกล้ง โบขนาดนั้น ?


"ก็เพราะไม่มีใครยอมเล่นกับผมสักเท่าไหร่มีแค่เขาคนเดียว (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตัวเขาเองก็แกล้งผมเยอะกว่าอีกนะ แกล้งแบบแสบๆเลยด้วย แต่เขาไม่ยอมเอามาโพสต์ลง"

เรียกว่าการแกล้งกันแบบนี้คือวิธีเติมความหวานของคู่เรา?

"ผมมองว่าถ้าหากเราคบกันและเราจะต้องรักกันอย่างเดียวแบบนั้นมันก็คงจะไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ ซึ่งการหยอกล้อกันของผมกับเขา เอาจริงๆเลยนะผมก็ไม่ได้ทำแค่กับแฟนคนเดียวหรอก เพราะกับพ่อกับแม่ผมก็ทำคือมันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี"

ความรักราบรื่นขนาดนี้ใกล้จะมีข่าวดีให้ได้ยินหรือยัง?


"ยังหรอกครับเรายังไม่ได้แพลนอะไรกันเลยสำหรับเรื่องนี้ แต่เราจะแพลนกันเรื่องอื่นมากกว่าอย่างเช่นเราตั้งใจจะทำงานภายใน 6 ปีนี้เพื่อจุดประสงค์หนึ่งซึ่งยังไม่สามารถบอกได้เพราะเราก็กลัวว่าถ้าหากพูดไปแล้วแต่ทำไม่ได้มันจะดูไม่ดี"

แสดงว่าเราก็มีการวางแผนเอาไว้ทุกอย่างชัดเจน สำหรับเรื่องอนาคต ?


"ใช่ครับผมตั้งเป้าไว้หมดแล้วว่าผมจะตายเมื่อไหร่จะเลิกทำงานเมื่อไหร่ จะอยู่วงการอีกสักกี่ปี คือมีการแพลนเอาไว้หมดเลย"

ทำไมเราถึงต้องวางแผนเอาไว้ถึงขนาดนั้น?


"ผมรู้สึกว่าการแพลนเอาไว้มันดีกว่าดีกว่าเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเพราะการที่เราทำแบบนี้มันทำให้เรารู้ว่าเรามีอะไรที่จะต้องทำอีกบ้างเพื่อเป็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตของเรา"

พอจะบอกได้ไหมว่าสิ่งที่เราแพลนเอาไว้มีเรื่องอะไรบ้าง?


"หลายอย่างเลยครับอย่างเช่นผมตั้งใจว่าอยากจะทำอะไรให้ดีๆให้กับสังคมบ้างนอกจากการสร้างผลงานในวงการบันเทิงเพื่อที่พอถึงวันหนึ่งผมจะได้ใช้สิ่งที่ผมเรียนรู้ในวงการไปต่อยอดกับงานด้านอื่นๆ"

แล้วเรื่องลูก เราได้แพลนไว้หรือเปล่าว่าจะมีเมื่อไหร่?


"เรื่องนี้ต้องขอเช็กน้ำเชื้อตัวเองก่อนครับ(หัวเราะ) ถามว่าผมกลัวเรื่องอายุไหม คือ...ผมรู้สึกว่าผมยังแข็งแรงอยู่นะ ถ้าอายุ50 ผมก็คงจะยังแข็งแรง แข็งและแรงมาก"

แล้วแฟนเราล่ะเขาได้เตรียมตัวไว้บ้างหรือเปล่า?


"คนนั้นเขาดูแลตัวเองดีมากครับจนเดี๋ยวนี้ผมต้องตามเขาแล้ว คือเมื่อก่อนผมจะเป็นฝ่ายสอนเขาออกกำลังกายแต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นฝ่ายดูแลเรื่องโภชนาการให้ผมแทน"

ตัวเขาเองเคยพูดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?


"ก็ไม่เลยนะครับคือพอเราเริ่มคุยกันแบบเป็นเพื่อนความคาดหวังในตัวกันและกันมันก็ไม่ได้มากขนาดนั้นเหมือนเราอยู่กับปัจจุบันและเราก็แฮปปี้แล้ว เราโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ซึ่งสายตาคนที่มองมาเขาอาจจะอยากให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แต่ไม่เคยมีใครถามเราเลยว่าจุดที่เราเป็นอยู่เราโอเคหรือเปล่าเรามีความสุขหรือเปล่า"

แสดงว่าคู่เราก็ไม่ได้มีจุดอิ่มตัว ?


"เอ่อ...ผมมองว่ามันมีทุกคู่นะครับแต่อยู่ที่เรามากกว่าว่าเราจะกล้าพูดมันออกมาไหมรวมถึงเราจะสามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้หรือเปล่าซึ่งคู่เราก็คบกันมานานแล้วประมาณ 5-6 ปี แต่ถามว่าเราเลยจุดอิ่มตัวไปแล้วหรือยังคือผมรู้สึกว่าของแบบนี้มันก็เหมือนก้อนเมฆที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านไป"

ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวเคยถามหรือเคยคุยกับเราถึงเรื่องอนาคตบ้างหรือเปล่า?


"ไม่เลยครับซึ่งผมรู้สึกโชคดีนะที่พ่อแม่ผมและพ่อแม่เขาต่างก็เคารพในการตัดสินใจของเราทั้งคู่"

ทุกวันนี้ที่เราไม่ได้รีบเป็นเพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีทายาท?


"ใช่ครับเรายังไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งผมยอมรับนะว่าผมเป็นคนชอบเด็กแต่ผมก็รู้อีกเหมือนกันว่าผมยังไม่มีความสามารถที่จะเป็นพ่อคนเพราะผมยังสอนตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมจะไปสอนลูกได้อย่างไร"

logoline