svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวนิวเคลียร์ อย่างเป็นทางการ ด้านนาโต ให้เวลารัสเซีย 6 เดือนแก้ไขด่วน

02 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับ รัสเซีย ดูเหมือนว่าจะยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ทางด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ออกมาแฉว่า ทางด้านสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าผลิตนิวเคลียร์ขนาดเล็ก และพร้อมนำมาใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้นี้ นั่นคือเสี่ยงนำพาโลกเข้าสู่ยุคนิวเคลียร์ และหวั่นนำไปสู่ความอันตรายอย่างใหญ่หลวง

ล่าสุดดูเหมือนว่าท่าทีของสหรัฐฯ ที่ประกาศจะถอนตัวจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ INF ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เมื่อ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมาถึงความชัดเจนเรื่องการถอนตัวจากการเป็นภาคีของสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง ( ไอเอ็นเอฟ ) ร่วมกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ
โดยทางด้านนายไมค์ ปอมเปโอ อ้างว่าทางด้านสหรัฐฯ ได้แจ้งไปยังรัสเซีย มากกว่า 30 ครั้ง เพื่อให้รัสเซียนั้นลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่มีต่อสหรัฐฯ และ พันธมิตรในยุโรป แต่ที่ผ่านมานั้นทางด้านรัสเซีย ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ดังนั้นถึงเวลาที่สหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องถอนตัวออกจากสนธิสัญญาดังกล่าว
ในขณะที่ทางด้านนายเจนส์ สโตนเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ออกมาสนับสนุนการตัดสินใจของสหรัฐฯ เพราะเห็นว่า สนธิสัญญาควบคุมอาวุธไม่สามารถประสบความสำเร็จได้จนกว่าฝ่ายต่าง ๆ จะปฏิบัติตามสิ่งที่สนธิสัญญากำหนด แต่นาโต้ก็จะยังคงทำงานกับรัสเซียต่อไป โดยบอกว่า เวลา 6 เดือนนั้นมากเกินพอสำหรับการที่รัสเซียจะกลับมาปฏิบัติตามสนธิสัญญาอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
เจนส์ สโตนเทนเบิร์ก ยังย้ำว่าสำหรับสมาชิกกลุ่มนาโต้ทุกประเทศ กลัวว่ารัสเซียอาจจะนำขีปนาวุธรุ่นใหม่เข้ามาประจำการณ์ในยุโรป เนื่องจากขีปนาวุธพวกนี้สามารถโจมตียุโรปได้เกือบทั่วทุกจุด
ขณะที่ฝ่ายรัสเซียระบุว่าประเทศในยุโรปถูกสหรัฐฯ หลอกว่ารัสเซียละเมิดสนธิสัญญา เพื่อที่สหรัฐฯ จะหาเหตุผลที่จะออกจากสนธิสัญญาเพื่อไปพัฒนาอาวุธรุ่นใหม่ แต่ทั้งนี้ทางด้านรัสเซีย ก็ย้ำมาโดยตลอดว่ารัสเซียเองก็สามารถรับมือกับอาวุธรุ่นใหม่ของสหรัฐฯ ได้ทุกรูปแบบเช่นเดียวกัน
เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองมหาอำนาจทางทหารของโลกในเวลานี้ ที่ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตนเองว่า เหตุใด ถึงจะไม่ต้องยึดกับข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันเอาไว้ ซึ่งก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ ได้ว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหากท้ายที่สุดมันนำพาไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น ผลกระทบจะเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ไม่ใช่แค่สองอย่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย เท่านั้น

logoline