ขนส่งลุยตรวจอู่รถเมล์ พระราม 9 ร่วม 70 คัน ไม่พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า วันนี้ได้นำเครื่องตรวจควันดำชนิดทึบแสงมาใช้ในการตรวจวัด ซึ่งหากมีค่าเกิน 45 จะเป็นรถที่มีค่าไม่ได้มาตรฐานปล่อยมลพิษออกมา จากการตรวจสอบรถประจำทางเกือบทั้งหมดในอู่นี้พบว่ามีค่าไม่เกิน 45 ทั้งนี้แม้การตรวจวัดจะมีค่าไม่เกินมาตรฐานกำหนด แต่มีรถบางคันที่มีการตรวจวัดมีค่าอยู่ที่ 41 ทางรองผู้อำนวยการเขตการเดินรถจึงได้สั่งให้รถที่มีค่าตรวจวัดใกล้เคียง 45 จัดอยู่ในรถกลุ่มเสี่ยงซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนดำเนินการซ่อมแซมรถ ส่วนมาตรการต่อไปหลังจากการตรวจควันดำตามอู่รถหรือท่าจอดรถต่างๆ แล้ว

"ผมได้สั่งกำชับให้ด่านตรวจวัดควันดำ 20 ด่านทั่วกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังรถขสมก. รถร่วมบริการ หากผ่านด่านก็จะต้องทำการตรวจวัดค่าควันดำ ถึงแม้จะมีประชาชนอยู่ในรถก็ต้องตรวจ เพราะถือว่านายสถานีได้กำชับเรียบร้อยแล้วว่ารถที่จะออกวิ่งมีค่าไม่เกินมาตรฐานกำหนด ถ้าเกินก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อาจจะมีความลำบากใจของประชาชนผู้ใช้บริการ โดยจะมีการเชิญลงจากรถและจะต้องหารถมาเปลี่ยน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น หลังจากนี้จะเข้าตรวจตามอู่ต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ โดยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะเข้าตรวจอู่รถในย่านมีนบุรี" พล.ต.ต.นิธิธรกล่าว

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวอีกว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนอาจจะไม่ชอบที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจรถตามอู่แล้วไม่เจอรถที่เกินค่ามาตรฐานเลย ที่ไม่เจอเพราะค่าการตรวจวัดไม่เกินค่ามาตรฐานของเครื่องมือ ทั้งนี้หากเจอรถที่มีควันดำและคิดว่าจะมีค่าเกินมาตรฐานขอให้ถ่ายภาพแล้วส่งเข้ามาที่ เพจเฟซบุ๊กบก.จร. หรือเพจของผมได้ โดยจะต้องถ่ายให้ติดว่าหมายเลขรถ ทะเบียนรถอะไร แล้วผมจะดำเนินการหาที่ตั้งของอู่จอดรถ จากนั้นจะดำเนินการเข้าไปตรวจสอบ หากตรวจเจอตรวจพบก็จะดำเนินการตามพรบ.ขนส่งระงับการใช้รถต่อไป

สำหรับอู่ดังกล่าวเป็นจุดจอดรถประจำทาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของเขตเดินรถที่ 4 มีทั้งหมด 3 สาย ประกอบไปด้วย สาย 12 วิ่งระหว่างห้วยขวาง-ปากคลองตลาด สาย 137 วิ่งวนระหว่างอู่พระราม9 - ม.รามฯ และสาย 179 วิ่งระหว่างพระราม9-พระราม7 เป็นรถปรับอากาศ 25 คัน รถธรรมดา 43 คัน รวม 68 คัน โดยกรมการขนส่งทางบกได้นำเครื่องตรวจควันดำชนิดทึบแสงมาใช้ในการตรวจวัด ซึ่งหากตรวจวัดแล้วมีค่าควันดำเกิน 45 เปอร์เซ็นต์ ก็จะถือว่ารถคันนั้นไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจากการตรวจสอบรถในอู่ แบ่งเป็นรถปรับอากาศสาย 137 จำนวน 23 คัน ค้างซ่อม 2 คัน รถธรรมดาสาย 12 จำนวน 25 คัน ค้างซ่อม 2 คัน สาย 179 จำนวน 20 คัน ทั้งหมด 68 คัน พบว่ามีค่าไม่เกิน 45 เปอร์เซ็นต์