นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นผลจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บภาษีที่เหมือนกันทุกชนิดสินค้าไม่ใช่เพียงแต่สินค้ายาสูบ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใส เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และเรียบง่าย ทั้งนี้ ภายใต้การเปิดการค้าเสรีในปัจจุบัน หากมีการดูแลอุตสาหกรรมภายในประเทศมากเกินไป จะส่งผลกระทบทางการค้าในวงกว้างได้
ดังนั้น การปรับโครงสร้างภาษียาสูบจึงได้กำหนดหลักการให้สอดคล้องกับหลักสากลโดยให้มีการจัดเก็บทั้งอัตราตามมูลค่าเพื่อสะท้อนถึงหลักความฟุ่มเฟือยและอัตราตามปริมาณ เพื่อสะท้อนถึงหลักสุขภาพ ตลอดจนกำหนดอัตราภาษีเพื่อลดการเข้าถึงของประชาชนในกรณีสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะบุหรี่ในกลุ่มเยาวชนที่อาจเป็นนักสูบหน้าใหม่ ที่สอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งหลักการดังกล่าวจะสร้างความเท่าเทียมในการจัดเก็บภาษีที่จัดเก็บเหมือนกัน ทั้งบุหรี่ที่ผลิตในประเทศและบุหรี่นำเข้าตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่บุหรี่ไทยมีราคาแพงเมื่อเทียบกับบุหรี่ต่างประเทศ ทำให้การยาสูบแห่งประเทศไทย ไม่สามารถแข่งขันได้นั้น ส่วนสำคัญจะเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของการยาสูบแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะด้านการตลาด และการวางแผนธุรกิจ ทั้งนี้ หลังจากการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ ในปี 2561 ผลประกอบการการยาสูบแห่งประเทศไทยยังคงมีกำไร