เพื่อประโยชน์ต่อผู้ซื้อเป็นสำคัญและในขณะเดียวกันก็ไม่ให้กระทบต่อผู้ขายจึงมีมติให้ดำเนินการจัดทำสลากแบบรวมชุดขึ้น โดยเป็นการรวมชุดแบบ 2-2-1 คือ การจัดชุด 2 ใบ เป็นจำนวน 2 เล่ม และจัดชุด 2 ใบ อีก 2 เล่ม และมี 1 เล่มที่เป็นใบเดี่ยว สำหรับชุด 2 ใบแรกมีเลข 6 หลักเหมือนกัน จำนวน 100 ชุดชุดละ 2 ใบ และจะมีเลขหมายเลข 6 หลักเหมือนกันซึ่งไม่ซ้ำกับชุดแรก อีกจำนวน 100 ชุด ชุดละ 2 ใบ และอีก 1 เล่ม จำนวน 100 ใบทำให้รายย่อยแต่ละรายได้รับสลากจำนวน 5 เล่มเช่นเดิมแต่สามารถจำหน่ายสลากชุดได้ 200 ชุด ชุดละ 2 ใบ ซึ่งสามารถแยกขายเป็นใบเดี่ยวได้
สลากแบบรวมชุดนี้จะจำหน่ายในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าฯโดยเริ่มดำเนินการในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ครั้งที่ 81 ซึ่งเปิดให้จองสลากงวดวันที่ 1มีนาคม 2562 (ทำรายการจองวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ และทำรายการซื้อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562)และจะใช้เวลา 3 เดือนในการประเมินผลการทดลองตลาด
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพันตำรวจเอกบุญส่ง จันทรีศรี บอกว่า สลากแบบใหม่ล็อตแรก 57 ล้านฉบับจะทำให้ผู้ค้ารวมชุดหลายใบได้ยากมากมีโอกาสหนึ่งในแสน จำหน่ายรวมชุดสูงสุดไม่เกิน 2 ใบขาย 160บาท ถูกรางวัล 12 ล้านบาท
แต่ไม่อยากเรียกว่าเป็นการอวสานผู้ถูกรางวัล100 ล้าน 180ล้าน แต่การพิมพ์จำหน่ายสลากแบบใหม่ ทำให้การรวมชุดยากขึ้นมากถ้าสามารถรวมได้ 5 ใบก็ถือว่าเก่งมากแล้วซึ่งจะทำให้การกระจายเงินรางวัลเกิดขึ้นอย่างทั่วถึงมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำกระจายโชคทั่วไทย โดยเฉพาะการถูกสลากรวมชุดหลายๆใบ รับรางวัลสูงๆสลากก็ไม่ต้องการเห็น เพราะไม่ได้อยากให้ซื้อเยอะขนาดนั้น
มาตรการนี้จะติดตามผลภายใน3 เดือนว่าตลาดให้การตอบรับอย่างไร และคาดว่าในระยะต่อไป จะดึงสลากในระบบโควตาอีก 33ล้านฉบับ เข้ามาอยู่ในระบบคละเลขทั้งหมด รวม 90 ล้านฉบับ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า การที่สลากรวมเลขชุดได้ยากขึ้นจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายสลากแบบรวมชุดหลายใบเช่น 5 ใบ 10ใบ ราคาพุ่งสูงขึ้นมาก ตามต้นทุนผู้ค้า ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดแต่ก็ยังมั่นใจว่าการรวมสลากชุดจะเกิดขึ้นได้ยากมากเช่นกัน
ทั้งนี้ยืนยันการรวมชุดดังกล่าว ไม่ได้เป็นการมอมเมาประชาชนและกองสลากไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องพิมพ์สลากทุกงวดที่ 90 ล้านใบเสมอไปแต่จะพิมพ์เท่าที่ผู้ค้าต้องการขายเท่านั้น