ทำไมหลวงพ่อคูณจึงดังมากในยุคไร้โซเชียล เพราะวัตถุมงคลจริงหรือ ?

ย้อนกลับไปเกือบร้อยปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กชายที่เกิดในครอบครัวของ "นายบุญ-นางขาว ฉัตร์พลกรัง" ซึ่งเป็นเพียงชาวนา ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นั้น ในกาลต่อมาจะเติบโตขึ้นด้วยบารมีที่มีติดตัวมาแต่อดีต ได้น้อมนำให้เด็กน้อยผู้นี้เป็นเด็กที่มีจิตใจใฝ่บุญ จนเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทและฝากชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนาพร้อมกับได้บำเพ็ญบารมีธรรม บารมีทาน มาตลอดชีวิตบรรพชิต


นี่เป็นภาพ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ กราบสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระญาณสังวรภายในงานพิธียกช่อฟ้าขึ้นประดิษฐานบนยอดพระอุโบสถวัดมะระ ตำบลดอนชมพู อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ.2518


คุณเชิดศักดิ์ ภูมิสวัสดิ์ ได้เข้านมัสการกราบทูลต่อสมเด็จพระญาณสังวร อาราธนาพระเดชพระคุณเจ้า เดินทางไปโคราช โดยมีการจัดขบวนเดินทางอย่างรัดกุม พระเดชพระคุณเจ้าท่านได้ปรารภขึ้นว่า "พระคูณรูปนี้เป็นพระปฏิบัติดีรูปหนึ่ง ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่เคารพของคนทั่วไป" และการต่อมา คำปรารภของพระเดชพระคุณเจ้าก็เป็นความจริง


เมื่อเดินทางถึงบริเวณวัดมะระ พระอริยะเจ้าทั้งสองได้พบกัน หลวงพ่อคูณ ก้มลงกราบสมเด็จพระญาณสังวรแล้ว ได้รับการอัญเชิญจากพระเดชพระคุณเจ้าให้นั่งคู่กัน และได้ร่วมประกอบพิธียกช่อฟ้าจนเสร็จสิ้น ท่ามกลางญาติโยมและลูกศิษย์ที่ได้เข้าร่วมกุศลกรรมครั้งนี้


หลวงพ่อคูณ ได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกเป็นตะกรุดทองคำฝังใต้ท้องแขน ในปี 2493 หรือ 7 พรรษาหลังจากอุปสมบท และได้มีการสร้าง เหรียญรุ่นแรก ออกที่วัดแจ้งนอกในปี 2512 ซึ่งถ้าหากจะนับรุ่นกันจริงๆ แล้ว ได้มีการประมาณกันว่า ตลอดชีวิตของท่านได้มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 รุ่น โดยแต่ละรุ่นล้วนได้รับความนิยมและเป็นที่เล่นหาแตกต่างกันไป ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าหลวงพ่อคูณ คือ พระเกจิอาจารย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่างแท้จริง


ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วคำรับรองดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปจริงๆ เพราะจากประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยืนยันและรองรับคำรับรองนี้ ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น สมัยที่มีผู้คนพากันแห่แหนไปให้ท่านใช้หนังสือพิมพ์เคาะศีรษะ บางคนหลังจากโดนเคาะแล้วก็ประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนไปประสบอุบัติเหตุก็ไม่ได้รับอันตราย ฯลฯ


การเคาะศีรษะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การเคาะศีรษะแล้วสัมฤทธิผลตามใจปรารถนา นี่คือความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแบบครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งกรณีความอัศจรรย์ทางจิตนี้ถึงจะอธิบายได้ยากในทางโลก แต่ในทางธรรมแล้วบอกเล่าให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ ความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากอำนาจแห่งฌานที่ท่านดำรงอยู่ตลอดเวลา


ด้วยคุณงามความดีของท่าน ทำให้ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ เมื่อวันที่ 12 เดือนสิงหาคม 2547 โดยมีราชทินนามตามสัญญาบัตรประกอบพัดยศสมณศักดิ์ว่า "พระเทพวิทยาคม" หรือชื่อที่ชาวไทยทั้งประเทศรู้จักท่านกันเป็นอย่างดี คือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ" วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา


นอกเหนือไปจากความขลังที่เกิดจากคาถาอาคมและฌานสมบัติแล้ว ว่ากันว่า การที่ท่านได้เมตตาอนุเคราะห์แก่ชาวโลก โดยการบริจาคปัจจัยเพื่อสนับสนุนสาธารณประโยชน์ต่างๆ ให้แก่สังคม เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล บ่อน้ำกินน้ำใช้ ถนนหนทาง ฯลฯ ใน จ.นครราชสีมา


ดูเหมือนว่าสังคมจะรู้จัก "หลวงพ่อคูณ" ในทางวัตถุมงคล แต่แท้จริงแล้ว ท่านเป็นพระที่ประกอบวิปัสนากรรมฐานอยู่เป็นประจำ ความศักดิ์สัทธิ์ที่ผู้คนกล่าวเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักหลวงพ่อคูณ


แต่สิ่งที่หลวงพ่อคูณอยากให้ไว้กับลูกหลานจริงๆ ไม่ใช่ความทรงจำด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาร์ย กลับเป็นคำสอนที่เรียบง่าย และเข้าถึงได้ เหล่านี้ ต่างหาก


1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้
2. กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง
3. กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา
4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ
5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญ ก็ไม่รู้จักกัน
6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน
7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก...ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง
8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน
9. เกิดมาแล้ว รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น
10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท