svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

คุณหญิงสุดารัตน์ ว่าที่นายกหญิงคนใหม่?

31 ธันวาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกรณีที่สุดแห่งปี โดยขั้นตอนแรกได้ทำการสำรวจเป็นคำถามปลายเปิดที่ให้แต่ละคนได้นำเสนอที่ตนเองชื่นชอบ จากนั้นจึงนำคำตอบที่มีคะแนนสูงสุดมาทำเป็นตัวเลือกให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกอีกครั้งหนึ่ง และสรุปเป็นฐานข้อมูลเพื่อสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่และความคาดหวังของคนไทย โดยในปี 2561 นี้ ได้สำรวจ ความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 8,347 คน ระหว่างวันที่ 10 28 ธันวาคม 2561 ทั้งนี้ มาดูฟากฝั่งที่สุดของการเมือง คือ "นักการเมืองหญิง" ที่ "ชื่นชอบ" มากที่สุด อันดับที่1 ได้แก่ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ได้ไป 34.20 % โดยแซงทางด้าน คุณจิตภัสร์ กฤดากร 33.47% และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 32.33%

สำหรับ เส้นทางทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์หรือที่รู้จักกันในนาม "หญิงหน่อย" ที่เติบโตมากับพรรคพลังธรรมด้วยการชักชวนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง แต่เมื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" เข้าไปสังกัดพรรคพลังธรรมเมื่อปี 37 และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำพรรค แต่ไม่สามารถควบคุมพรรคได้ เพราะในพรรคมีความเป็นประชาธิปไตยสูง จึงเป็นเหตุให้ "ทักษิณ ชินวัตร" จึงแยกตัวออกมาตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 41 ที่ตัวเองมีอำนาจสูงสุด ในที่สุด"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" นักการเมืองหญิงที่ถูกมองว่าเป็นน้ำดีก็ทิ้งพรรคพลังธรรมติดสอยห้อยตาม "ทักษิณ ชินวัตร" มาด้วย


ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทยต่อเนื่องถึงพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยบทบาทของคุณหญิงหน่อย ก็สร้างความโดดเด่นเสมอมาไม่ว่าในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือผู้นำพรรค แต่สำหรับตำแหน่งผู้นำพรรคนั้นบทบาทของคุณหญิงหน่อยก็ถูกจำกัดขอบเขตอยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งไปทับซ้อนกับผู้ยิ่งใหญ่อีกคนนึงในพรรค ที่ชื่อ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" มีดีกรีปริญญาเอกระดับด็อกเตอร์-เจ้าพ่อฝั่งธน ซึ่งถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันขนาดหนักขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม เคยด่าคุณหญิงสุดารัตน์อย่างรุนแรง ชนิดที่ว่า "ไอ้-อี-- " ว่อนที่ทำการพรรค เอาส.ส.-นักข่าว สะดุ้งกันมาแล้ว


วันที่ 2 ก.พ. 53 ร.ต.อ.เฉลิมได้ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ที่พรรคเพื่อไทยต้องยุ่งวุ่นวายก็เพราะคุณหญิงสุดารัตน์คนเดียว ที่ผ่านมายอมมานาน เพราะเกรงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ (ยศในขณะนั้น) และคุณหญิงพจมาน แต่พอยอมมากเข้าก็จะกลายเป็นว่าถูกกำไต๋ไว้ คุณหญิงสุดารัตน์เคยอภิปรายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในชีวิตการเมืองมาก พวกนี้เป็นแมว พอ พ.ต.ท.ทักษิณ (ยศในขณะนั้น) เลี้ยงดีหน่อย ลายเลยใหญ่ คิดว่าตัวเองเป็นเสือ ในระหว่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนพูดกับผู้สื่อข่าวโดยพูดโจมตีคุณหญิงสุดารัตน์อย่างดุเดือดว่าชอบต่อสายถึงคอลัมนิสต์ เพื่อให้มาโจมตีตน แล้วเข้ามายุ่มย่ามการทำงานในพรรคขณะนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.กทม.และคนสนิทของคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ลงลิฟต์มาเผชิญหน้ากับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กำลังกล่าวโจมตีคุณหญิงสุดารัตน์อยู่พอดี ร.ต.อ.เฉลิม ได้เรียกทั้ง 2 คน เข้ามาต่อว่าอย่างรุนแรง พร้อมชี้หน้า โดยต่อว่าว่า "อนุดิษฐ์มึงกับอนุสรณ์ และศักดา (คงเพชร) มึงเป็นศัตรูกู เพราะให้สัมภาษณ์ด่ากูไว้ กูตัดหนังสือพิมพ์แปะไว้หมด มึงใกล้ชิดกับหน่อยมากเกินไป พยายามสกัดไม่ให้ลูกกูลงเลือกตั้ง พยายามมาเปลี่ยนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้กูลงเบอร์ 2 ไม่ให้ไอ้ตู่ลงเบอร์ 4 และเชียร์ไอ้มิ่ง (มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) แต่สมัครเขาไม่เอาด้วย ความจริงหน่อยมันควรสู้อย่างจาตุรนต์ ไม่ใช่มาเล่นอย่างนี้ อนุดิษฐ์ พ่อมึงกับกูสนิทกัน มึงเป็นนายทหาร ไม่ควรทำอย่างนี้ มึงเลือกข้างผิดแล้ว ต้องมาอยู่กับกู มึงยังมีอนาคตไกล"สำหรับบางคำก็ต้องเซ็นเซอร์เพราะรุนแรงเหลือเกินจะทำให้ถูกฟ้องได้


จนกระทั่งคสช. เข้ายึดอำนาจเมื่อ22 พ.ค.57 ก็ปรากฏข่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์จัดแยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทยมาร่วมตั้งพรรคกับคสช. เพราะมีความสนิทสนมกับ พี่ใหญ่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่าทีทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ในขณะนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไปในทิศทางที่ร่ำลือกันเพราะเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงจังหวัดเก่าทางการเมืองต่อไปในอนาคตคุณหญิงสุดารัตน์ก็ตอบบ่ายเบี่ยงว่าไม่ขอออกความเห็นทางการเมืองมุ่งหน้าแต่เรื่องทางธรรม เพราะไปปรับปรุงลุมพินีสถานซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะซึ่งต่อมาได้บรรลุธรรมเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ต่อมาก็มีข่าวอื้ออึงว่านายทักษิณจะให้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและจะได้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏว่าบทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์ก็เปลี่ยนไปในทันทีเริ่มเปิดประเด็นจวกคสช. และ เชิดชูแนวทางประชาธิปไตยขึ้นมาทันที ข่าวลือล็อคไปพลิกมา ท้ายสุดปรากฏว่าได้เป็นแค่ประธานยุทธศาสตร์


แต่นั่นก็ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์เกิดอาการกะปรี่กะเปร่าขึ้นมาทันที เพราะมีคำยืนยันว่าจะได้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งของพรรคเพื่อไทย แต่เอาเข้าจริงแล้วจะเป็นอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์คาดหวังหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ เพราะปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าเกมการเมืองของนายใหญ่นั้นไม่ได้มีแค่พรรคเพื่อไทย แต่มีอีกหลายพรรค ที่ทำงานสอดประสานกัน ดังนั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไปของไทย อาจจะไม่ใช่ของคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างที่คาด ที่หวังก็เป็นไปได้เช่นกัน

logoline