กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "เสื้อกั๊กเหลือง" ยังคงฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาล เข้าไปชุมนุมในย่านฌองเซลิเซ่ใจกลางกรุงปารีส โดยผู้ชุมนุมบางส่วนซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าได้จุดไฟเผารถยนต์และต้นคริสต์มาส, ปล้นสะดมภ์ร้านค้า, ทุบทำลายกระจก, และปะทะกับตำรวจ จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สน้ำตาและสายฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายไม่ต่างจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยสถานการณ์เฉพาะในกรุงปารีสทำให้มีผู้บาดเจ็บ 110 คน ขณะที่เกือบ 300 คนถูกควบคุมตัว นอกจากนี้ยังมีรายงานปืนของตำรวจถูกขโมยไปจากรถตู้ด้วย
การประท้วงที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยยิ่งเวลาผ่านไปการชุมนุมก็เริ่มขยายวงจากความไม่พอใจในนโยบายของรัฐบาล เป็นการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง ที่เพิ่งรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปีลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางคะแนนนิยมของผู้นำวัย 40 ปีที่ลดลงเหลือเพียง 20 เปอร์เซ็นต์
ด้านประธานาธิบดีมาครง กล่าวระหว่างการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมจี 20 ที่อาร์เจนตินา ประณามการใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วง และเตรียมจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ ฟีลิป ได้ยกเลิกการเดินทางเยือนโปแลนด์แล้ว ส่วนรัฐมนตรีมหาดไทยอ้างว่า กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงเป็นสมาชิกของกลุ่มซ้ายจัดและขวาจัดซึ่งปะปนกลับกลุ่มผู้ชุมนุมทั่วไปและเคยมีประวัติถูกจับกุมมาก่อน
ขณะเดียวกันสถานทูตสหรัฐฯ ในฝรั่งเศสได้ออกประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม และปฏิบัติตามคำแนะนำของตำรวจ