การจัดประกวด Miss Universe 2018 ดูท่าจะมีเรื่องเซอร์ไพร้ซ์ตลอด ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวทีเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่เรื่องเจ้าภาพในการจัดที่ประเทศไทย ต่อมาก็เป็นเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้จัด โดยครั้งแรกคุณธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group เป็นผู้ได้สิทธ์ แต่ต่อมาก็มีการประกาศออกมาว่า ได้เปลี่ยนมือมาเป็นกลุ่ม TPN 2018 ของ"ตี๋แมชชิ่ง" แทน
และล่าสุดกับประเด็นการถ่ายทอดสด ที่เดิมทีกลุ่มผู้จัดเดิมดีลไว้กับ บีอีซี เทโร ว่าจะถ่ายทอดผ่าน 3 ช่องในเครือ แต่เมื่อเย็นวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ทาง "ตี๋" ได้แจ้งบีอีซี เทโรว่า ขอย้ายสิทธิ์ทั้งหมดไปออกอากาศทางช่อง พีพีทีวี แทน เหตุผลเป็นเพราะเรื่องของเม็ดเงิน ที่สามารถการันตีได้ทันทีว่า ฝั่งของตี๋จะได้เงินเท่าไหร่ ขณะที่ดีลกับกลุ่ม บีอีซี เทโร นั้น เป็นการแบ่งรายได้จากระบบการขายโฆษณาเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถการันตีรายได้ที่จะเกิดขึ้นได้
และในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ กลุ่ม TPN 2018 จำเป็นต้องเร่งหารายได้จากสปอนเซอร์ในทุกช่องทาง เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานครั้งนี้
สำหรับ เรื่องของงบประมาณการจัดถือว่าสำคัญมาก เบื้องต้นผู้ที่ต้องการลิขสิทธิ์การประกวด ต้องจ่ายค่าจองลิขสิทธิ์ก่อนเป็นเงินประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 150 ล้านบาท จึงจะได้สิทธิในการพิจารณา และเมื่อได้รับการพิจารณาให้ได้ลิขสิทธิ์แล้ว ต้องจ่ายอีกเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกับ พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ด ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส
โดยตัวเลขเมื่อปี 2005 ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปีที่ "นาตาลี เกลโบว่า" คว้ามงกุฏนางงามจักรวาล ก็ลงเงินไปไม่ต่ำกว่า 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งผู้จัดต้องมีรายได้จากการดำเนินการจัดประกวดอย่างน้อย 1,100-1,200 ล้านบาท ถึงจะเรียกว่าจบสวย แม้หลายฝ่ายจะออกมาพูดว่า ถือเป็นการโปรโมทประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักต่อชาวโลกก็ตาม เพราะที่ผ่านมาทั้ง 2 ครั้ง ยังไม่เคยมีรอบไหนที่ผู้จัดบ้านเราจะพูดได้เต็มปากว่าได้กำไรอย่างงดงามเลย