svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จีนย้ำการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ต้องอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียม และเอื้อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

23 พฤศจิกายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จีนย้ำการเจรจาการค้ากับสหรัฐต้องอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและเอื้อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พร้อมโต้ข้อกล่าวหาสหรัฐ ยันทำการค้าเป็นธรรม และเรียกร้องให้ยุติการยั่วยุ


ลี เซียน ลุง วางตัวเฮง สวี เคียท รัฐมนตรีคลังในวัย 54 ปี คาดว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่รุ่นที่ 4 ของสิงคโปร์ เจอโจทย์ท้าทายในการรักษาจีดีพีให้เติบโตอยู่ระดับปีละ 2-3% ต่อไปอีก 10-15 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบยั่งยืน สร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตให้กับชาวสิงคโปร์ และการรักษาตำแหน่งผู้นำในภูมิภาคาย


1. หวัง โซวเหวิน รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์จีน กล่าวถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนต้องอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมและเอื้อประโยชน์ให้กับทั้ง 2 ฝ่าย จึงหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้โดยผ่านการเจรจาที่ประเทศทั้งสองจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

โดยสหรัฐต้องการให้จีนเปิดกว้างเรื่องการเข้าถึงตลาดมากขึ้น การแก้ไขปัญหาเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และมาตรการลดยอดขาดดุลทางการค้าจำนวน 375,000 ล้านดอลลาร์ โดยัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรวม 2 ระลอกคืดเป็นมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อต้องการกดดันจีน ขณะที่จีนได้ตอบโต่ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเปฺนมูลค่า 117,000 ล้่นดอลลาร์

ท่วงทำนองของกระทรวงพาณิชย์จีนได้ิกมาก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันนอกรอบการประชุม G-20 ในปลายเดือนนี้ โดยที่ผู้นำสหรัฐได้ออกมาแสดงความเห็นก่อนหน้านี้ว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนได้ ขณะที่ทั่วโลกคาดหวังว่าผู้นำทั้งสองจะสามารถเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าที่ดำเนินอยู่ได้



2. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาสหรัฐ ระบุจีนทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐยุติการกระทำที่ยั่วยุดังกล่าว

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า จีนมีความกังวลเกี่ยวกับรายงานที่ออกโดยทางการสหรัฐในสัปดาห์นี้ ที่ระบุจีนประสบความล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้


3. ลี เซียน ลุง วางตัวเฮง สวี เคียท รัฐมนตรีคลัง คาดว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่รุ่นที่ 4 ของสิงคโปร์ หลังจากที่ผู้นำสิงคโปร์ในวัย 65 ปี มีอาการไม่สบายเกือบล้มลงในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสฉลองวันชาติสิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เกิดความคำถามเกี่ยวกับตัวผู้นำในอนาคต

สิงคโปร์มีการจัดวางทายาททางการเมืองมาแล้ว 3 รุ่น โดยรุ่นที่ 1 คือ ลี กวน ยู บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ ได้มอบหมายโก๊ะ จก ตง เป็นนายกรัฐมนตรีรุ่นที่ 2 หลังจากที่ได้ประกาศวางตัวให้บุตรชายคือ ลี เซียน ลุง เป็นทายาททางการเมืองล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก่อนที่ลี เซียน ลุง จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในปี 2004 ในฐานะผู้นำประเทศรุ่นที่ 3


4. สำหรับเฮง สวี เคียท ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในวัย 54 ปี จะเป็นทายาททางการเมืองของสิงคโปร์คนใหม่ ท่ามกลางคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของเขาในระยะยาว เนื่องจากมีอาการโรคหลอดเลือดในสมองเมื่อช่วงต้นปีนี้ ซึ่งก็จะกลับมาทำหน้าที่ตามปกติในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยทางการเมืองในสิงคโปร์ มองว่า ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ระบบที่วางไว้ตั้งแต่สมัยของลี กวน ยู แม้จะมีการเปลี่ยนในนโยบายการบริหารประเทศ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปในทิศทางการเปลี่ยนนโยบายแบบสุดโต่งภายใต้พรรคกิจประชาชน



5. แต่การที่เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตในระดับต่ำอาจส่งผลต่อความไม่พอใจของประชาชนที่จะมีต่อพรรครัฐบาล รวมทั้งการมีผู้นำที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ โดยที่ขนาดของจีดีพีเมื่อสิ้นปีที่แล้ว อยู่ที่ 513,744 ล้านดอลลาร์ และมีรายได้ของประชาชนต่อหัวต่อปี อยู่ที่ 90,531 ดอลลาร์

ทั้งนี้ จีดีพีสิงคโปร์ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีอัตราเติบโตที่ 4.6% ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 และเทียบกับไตรมาส 2 เติบโตที่ 2.9% จากที่มีการคาดการณ์จีดีพีจะเติบโตอยู่ระดับ 2-3% ต่อปี ซึ่งสิงคโปร์ตั้งเป้าว่าจะรักษาการเติบโตนี้ต่อไปอีก 10-15 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบยั่งยืน สร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตให้กับชาวสิงคโปร์ และการรักษาตำแหน่งผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


logoline