'ต๊ะ-วริษฐ์' จัดงานหมั้นเอง เครียดจนอ้วก! เผยครอบครัวฝ่ายหญิงยกสินสอดคืนให้เป็นขวัญถุง

   "หมั้นที่ภูเก็ตครับ บรรยากาศก็ชื่นมื่น เรียบง่ายครับผม แล้วก็อ้วกด้วย เราเครียดแล้วก็กังวล พอเสร็จงานเราก็ป่วยเลยครับ ผมเข้าใจเลยที่บอกว่างานแต่งงานเหนื่อยมาก เข้าใจเลยว่ามันเหนื่อยจริงๆ เพราะว่าเราทำเองทั้งหมด ไม่ได้จ้างออแกไนซ์ เพราะว่ามันจัดที่ต่างจังหวัด แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากทำเองด้วย"

ความรู้สึกในวันนั้นมันมีความสุขขนาดไหน

   "คือมันก็ทำให้เรามีพลัง จริงๆเราเหนื่อยมาก เราไม่ได้นอนกันเลยสองคน แต่ว่าด้วยเพื่อนๆที่มา ญาติผู้ใหญ่ที่มา มันทำให้เรามีพลังว่าต้องทำให้ได้ มีความสุขด้วย มันก็เลยทำให้เรามีแรง"

มีโมเม้นท์ซึ้งๆ มีน้ำตาบ้างไหม

   "ตอนแรกว่าจะมีครับ แต่เอาจริงๆไม่มี ฮา (หัวเราะ) เพราะว่าเวลาจะสวมแหวน แอนเตะขันหมาก (หัวเราะ) แหวนกระจาย พานกระจาย (หัวเราะ) เลยกลายเป็นขำๆไป"

เราคบกันมากี่ปีแล้ว

   "9 ปีครับ ปีนี้เข้าปีที่ 10"

ภาพที่ออกมาเป็นเหมือนกับที่เราคิดไว้ไหม

   "ภาพเป็นอย่างที่คิดเลย พอเสร็จแล้วก็หายกังวลเลย เหมือนโล่งหมดแล้ว ยกภูเขาออกจากอกแล้ว เราเป็นห่วงผู้ใหญ่ แล้วเราตั้งใจทำจริงๆ ไม่อยากให้ต้องพลาดอะไรเลย สเต็ปต่อไปวางไว้น่าจะแต่งไม่กลางปี ก็ปลายปีครับผม เพราะมันมีวันสำคัญของครอบครัวด้วย อาจจะรวมทีเดียวในวันนั้นเลย จริงๆเลือกหลายๆที่ อยู่ แล้วก็ดูวันอยู่ด้วย แต่เป็นที่กรุงเทพฯนะครับ เพราะหมั้นที่โน่นเป็นญาติของฝ่ายเขาแล้ว ที่กรุงเทพฯเป็นของเราบ้าง เพื่อนๆ ผู้ใหญ่ที่เราไม่ได้เชิญไปที่ต่างจังหวัด เพราะเราเกรงใจจริงๆ แล้วก็จัดแบบเรียบง่ายมากๆ แล้วมันก็ไกลด้วย เดี๋ยวรอจัดที่กรุงเทพฯจะไปเชิญผู้ใหญ่ทุกท่านครับ"

มีธีมไหม

   "ไม่มีหรอกครับ ยังไม่ได้เตรียมอะไรเยอะ เพราะว่าเพิ่งกลับมาเมื่อคืนเอง ลงเครื่องมาห้าทุ่มกว่า ยังเคลียร์ของไม่เสร็จเลยครับ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วต้องไปเคลียร์อะไรอีกเยอะเลยครับ จริงๆ อยากจะทำวันเดียวให้เสร็จ แต่มันทำไม่ได้ มันคนละที่ด้วย รื่องของผู้ใหญ่ด้วย แล้วสถานที่ที่กรุงเทพฯมันก็ยากพอสมควร ต้องจองเป็นปี"

งานหมั้นผ่านไปแล้ว งานแต่งยังกังวลอีกไหม

   "คงต้องมีแหละ แต่ว่าที่กรุงเทพฯ ผมรู้สึกกังวลน้อยกว่างานหมั้น เพราะว่าอยู่กรุงเทพฯ คอนเน็กชั่นมันง่าย โทรกิ๊งเดียวก็มาได้แล้ว แต่ที่ภูเก็ตถ้าลืมอะไรก็จบเลยนะ วิ่งเข้าวิ่งออกบ้านหลายรอบมาก ว่าเอาแหวนหมั้นมาไหม กลัวลืมไว้กรุงเทพฯ"

สินสอดเท่าไหร่

   "จริงๆสินสอดผมก็เตรียมอย่างเหมาะสม แต่ว่าทางครอบครัวเขา ไม่ได้รับ เพราะว่าเขาก็เห็นว่าเราดูแลลูกสาวเขาดีอยู่แล้ว แล้วก็สิ่งที่เขาบอกมาก็คือขอคำมั่นสัญญาลูกผู้ชาย ว่าเราจะดูแลแอนได้ ผมก็เลยบอกไปว่าจริงๆทุกวันนี้ที่ผมอยู่ได้ ผมมีแต่ร่างกายนะ หัวใจอยู่กับเขา ผมก็เลยผ่านด่านตรงนั้นครับ ครอบครัวเขาต้องการแค่คำมั่นสัญญา เรื่องสินสอดจริงๆ ก็เตรียมไปอย่างเหมาะสมครับ เขาก็ให้กลับมาเป็นขวัญถุงครับ แหวนหมั้นไม่ได้เยอะสมน้ำสมเนื้อ แต่ว่าเป็นแหวนเพชรสีชมพูครับ"

หลังจากหมั้นแล้วชีวิตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน

   "ไม่เปลี่ยนนะ เราดูแลกันเป็นพี่น้องเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว สิ่งที่เปลี่ยนคงเป็นแค่คำจำกัดความว่ามีคู่หมั้นแล้วนะแค่นั้นเองครับ แต่เราใช้ชีวิตปกติ ดูแลกัน ช่วยเหลือกันอยู่แล้ว เดี๋ยวมาสู้งานแต่งต่อ"

วางแผนเรื่องทายาทไว้หรือยัง

   "จะเอาก่อนแต่งหรือหลังแต่ง (หัวเราะ) คือจริงๆ คุยกันไว้นะว่าจะมีหรือไม่มี ยังขอไม่มีก่อน แต่ต่อไปเราก็ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือเปล่า คือมันผ่านจุดที่จะแต่งแล้วมีเลยไปแล้วไง คือพอเราเห็นเพื่อนมีลูกเราก็รู้สึกว่าอยากมี แต่พอกลับมาจริงๆ ก็แบบสังคมมันโหดร้ายนะ เราก็จะกังวล ก็เดี๋ยวรอดูก่อน ยังไม่แน่เหมือนกันครับ"