เวลา10.00น. (14พ..61) พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง, รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ จำนวนกว่า60คน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเรือฟินิกซ์อับปาง ระหว่างเกาะเฮกับเกาะราชา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจำนวน 47 ราย เพื่อติดตามปฏิบัติกู้เรือฟินิกซ์ หลังจากมีการว่าจ้างบริษัท ซีเควส มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับจ้างรายใหม่จากสิงคโปร์เข้าปฏิบัติภารกิจต่อจากบริษัทเดิมที่ยกเลิกสัญญาไปตั้งแต่วันที่2พฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้ส่งทีมเข้าปฏิบัติการในจุดเกิดเหตุตั้งแต่วันที่7พฤศจิกายน2561โดยมีทีมปฏิบัติการทั้งชาวไทยและต่างชาติในครั้งนี้ จำนวนกว่า100ชีวิต พร้อมด้วยอุปกรณ์ปฏิบัติการใต้น้ำ รวมถึงเรือเครนขนาด1, 200ตัน ความยาว100เมตร และเรือลากจูงความยาว34เมตร ซึ่งเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อบ่ายวานนี้ (13 พ.ย.61)
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการกู้เรือครั้งนี้เป็นอย่างมาก และทุกภาคส่วนได้มีความพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนรายใหม่จากประเทศสิงคโปร์เข้ามาดำเนินการ เนื่องจากเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานและเป็นเรือเครนลำเดียวที่มีขนาดใหญ่ในเอเชีย ด้วยศักยภาพของเครนที่มีน้ำหนักกว่า1,000ตัน มั่นใจว่าจะสามารถกู้เรือฟินิกซ์ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 200 ตันขึ้นมาได้อย่างแน่นอน เบื้องต้นหากไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไรคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 วันก็จะสามารถก็เรือขึ้นมาได้ และเมื่อเรือขึ้นมาแล้วก็จะนำไปขึ้นไว้ที่คานรัตนชัยในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานพิสูจน์หลักฐานและผู้เชี่ยวชาญด้านเรือจากต่างประเทศ ร่วมกันตรวจสอบว่าเรือมีการต่อสมบูรณ์หรือไม่ ใครเป็นผู้อนุมัติพิมพ์เขียว และพิมพ์เขียวมีความสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในทุกด้านให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์อย่างที่สุด
"ปฏิบัติการกู้เรือฟินิกซ์ขึ้นมาให้ได้นั้น เพื่อเป็นการแสดงให้รัฐบาลจีนเห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลไทยในการหาสาเหตุของการเกิดเหตุอับปางและหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐและภาคเอกชน เพราะเรือฟินิกซ์ถือเป็นวัตถุพยานสำคัญของคดี รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างความเชื้อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วย โดยสิ่งทำควบคู่กันไป การออกมาตรการดูแลความปลอดภัยการท่องเที่ยวเที่ยว และมีการกำหนดท่าเทียบเรือจำนวน 24 แห่งในจังหวัดภูเก็ตที่จะให้มีการตรวจสอบการนำนักท่องเที่ยวออกจากท่าเรือ โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ที่ร่วมตรวจสอบ และจะไม่มีการปล่อยเรือบนกระดาษอีกแล้ว เรือที่จะออกจากท่าทุกลำจะต้องผ่านการตรวจสอบจริงๆ รวมไปถึงการตรวจรถด้วยหลังจากนี้ เพราะนิยามความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญของเมืองท่องเที่ยว"
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นและส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว โดยออกมาตรการผ่อนปรนวีซ่า3ประเภท,การผ่อนปรนการเดินทางผ่านแดนทางช่องทางรถยนต์ ณ จุดตรวจ ของด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมในช่องทางตรวจของตรวจคนเข้าเมือง,ยกเว้นค่าธรรมเนียม60วันในอัตรา2,000บาท สำหรับ20ประเทศกับ1เขตเศรษฐกิจไต้หวัน รวมถึงมีการแก้ไขข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้ว เมื่อเดินทางออกนอกประเทศแล้วยังสามารถเข้ามาในประเทศไทยได้อีก มาตรการเหล่านี้รัฐบาลได้ดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อแสดงถึงความจริงใจในการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่นายธนภัทร เหมมังกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือและเป็นหนึ่งในทีมปฏิบัติการกู้เรือฟินิกซ์ครั้งนี้ กล่าวถึงขั้นตอนการกู้เรือขึ้นจากใต้ท้องทะเลว่า จากการตรวจสอบของมทีมประดาเบื้องต้น สภาพเรือปัจจุบันเอียงอยู่ประมาณ 15 องศา สภาพตัวเรือมีความสมบูรณ์ประมาณ 70-80 % ส่วนที่เสียหายจะเป็นอุปกรณ์เสริม หลังจากนี้นักประดาน้ำจะนำเชือกที่สามารถรับน้ำหนักได้เส้นละ 160 ตัน ลงไปผูกในส่วนของหัวเรือโดยสอดไปใต้เรือจำนวน 2 เส้นและนำมาผูกบริเวณหลังคาเรือ และในส่วนของใต้เรือก็ทำลักษณะเดียวกันขณะนี้ดำเนินการแล้ว จากนั้นจะใช้เครนค่อยๆ ยกขึ้นมาจากก้นทะเล เรือจมอยู่ในทรายประมาณ 1 เมตร โดยจะดึงขึ้นมาประมาณ 4 เมตรให้พ้นจากท้องทะเลเพื่อดูการตรงตัวของเรือ หากเรือทรงตัวได้ไม่เอียงก็จะดึงขึ้นมาอีกประมาณ50เมตร เพื่อดูการทรงตัวเช่นเดิม จากนั้นก็จะดึงขึ้นมาช้าๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ30นาทีในการดึงเรือขึ้นมาบริเวณผิวน้ำ และเมื่อเรือมาอยู่ผิวน้ำแล้วก็ก็จะทำการสูบน้ำออกจากตัวเรือ และหากพบมีรอยรั่วก็จะทำการอุดรอยรั่วของตัวเรือต่อไป ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ได้มีการเตรียมการไว้พร้อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเรือพ้นจากผิวน้ำก็จะลากมาเทียบกับเรือบาร์จลำเล็ก เพื่อให้ประคองเรือฟีนิกซ์ในขณะที่ลากไปยังคานเรือรัตนชัย ในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เรือจมประมาณ15กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางไปยังคานเรือประมาณ3-4ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามนายธนภัทร กล่าวด้วยว่า จากอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้จะมีสมรรถนะที่สูง โดยเฉพาะตัวเครนสามารถยกของที่จมอยู่ใต้ทะเลลึกถึง 100 เมตร เป็นเครน 1 ใน 6 ตัวของโลก และเป็นเครนเดียวในเอเชีย ดังนั้นด้วยน้ำหนักเรือ 200 ตัน จะสามารถกู้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน โดยหลังจากมีการทิ้งสมอคาดว่าจะเสร็จในช่วงเย็นวันนี้แล้ว (14 พ.ย.61 ) จากนั้นพรุ่งนี้เช้า (15 พ.ย.) เมื่อทำอุปกรณ์เกี่ยวเรียบร้อยแล้วก็จะทำการยกขึ้น ในส่วนของปัญหากระแสน้ำนั้นจะมีการตรวจสอบจากมาตราน้ำคือน้ำขึ้นน้ำลง หากไม่มีน้ำขึ้นน้ำลงจะไม่มีกระแสน้ำ เป็นหลักการปกติของชาวเรือ และจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการลงไปทำงาน ส่วนของปัญหาอุปสรรคขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด แต่การทำงานจะมีการปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์เฉพาะหน้าตลอดเวลา หากสามารถทิ้งสมอได้ทั้งหมด 8 จุด พรุ่งนี้เช้า (15 พ.ย.61)จะลงมือยกเรือขึ้นมาได้ทันที หากสามารถยกเรือขึ้นมาได้ก่อนเที่ยงก็จะสามารถนำเข้ามายังคานเรือในช่วงบ่ายวันเดียวกัน