เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 12 พ.ย.นายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผวจ.ระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าทา สาขาระยอง นายสงกรานต์ แสงจันทร์ ประมงจังหวัดระยอง และ นายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านเพ ร่วมประชุมเกี่ยวกับกรณี มีนายทุนก่อสร้างรีสอร์ทรุกทะเลบริเวณหลังเขื่อนหินกันคลื่น จนทำให้ระบบนิเวศน์ทางทะเลเสียหายเพราะมีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล ทั้งน้ำเสียจากการการทำอาหารและน้ำเสียจากห้องน้ำที่ไม่มีบ่อบำบัดและบ่อกักเก็บ ผลการประชุมสรุปว่ารีสอร์ทที่สร้างรุกทะเลหลังเขื่อนหินมีทั้งหมด 13 แห่ง โดยเป็นการก่อสร้างบุกรุกทั้งหมด และ ผิดกฎหมายมาตรา17 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้ทำหนังสือเพื่อเดินทางไปปิดประกาศบนแพที่พักทั้ง13แห่ง หลังเขื่อนหินกันคลื่น เพื่อให้รื้อถอนภายใน30 วัน
ต่อมา นายธีระวัฒน์ รอง ผวจ.ระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าทา สาขาระยอง และ น.อ.อำนรรฆ ภมรพล รอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายในจังหวัดระยอง พร้อมด้วยกำลีงเจ้าหน้าที่ ได้ นั่งเรือจากท้าเรือเทศบาลตำบลเพ เดินทางไปยัง บริเวณแพรีสอร์ท เมื่อเดินทางไปถึง พบว่ารีสอร์ท 12 แห่ง ได้ปิดตัวเงียบ เหลือเพียง แพป้าติ๊ด ที่มีการก่อสร้างด้วยไม้ไผ่อย่างสวยงาม รวมทั้งหมด 10 ห้องพัก และ มีลานห้องอาหาร เข้าไปตรวจสอบพบมีพนักงานยังคงทำงานกันอยู่ภายในรีสอร์ท สำหรับห้องพักมีการตกแต่งด้วยไม้ไผ่สานมีห้องน้ำในตัวอย่างสวยงาม เมื่อตรวจสอบห้องน้ำพบว่าไม่มีบ่อกักเก็บโดยปล่อยทิ้งลงไปในทะเล นอกจากนี้น้ำซักล้างและทำครัวถูกทิ้งลงทะเลเช่นกัน จากการสอบถามพนักงานทราบว่าเจ้าของแพรีสอร์ทกำลังเดินทางกลับมา
ต่อมานายไพโรจน์ คร้ามสมอ อายุ 41 ปี เจ้าของแพรีสอร์ทป้าติ๊ด ได้เดินทางมายังแพ พร้อมกับรับฟังคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่มาแจ้งปิดประกาศ โดย เปิดเผยว่า เพิ่งมาเปิดเป็นห้องพักและปรับปรุงแล้วเสร็จเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ได้เปิดเป็นห้องพักเล็ก และ เลี้ยงปลาในกระชัง มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว โดยไม่คิดว่าจะเป็นการผิดกฎหมาย ซึ่งก็ยอมรับผิดและยินยอมรื้อออกตามคำสั่ง
ด้านนายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผวจ.ระยอง ได้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ แพห้องพักทั้ง 13แห่ง ถือว่าผิดตามมาตรา 17 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีคำสั่งให้รื้อภายใน 30 วัน หากยังไม่มีการรื้อ ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนเอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ผู้ประกอบการทั้ง 13 ราย กับพนักงานสอบสวน สภ.เพ จ.ระยอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับการบุกรุกและทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความผิดตามมาตรา 17 พรบ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558