ขณะที่เฮนรี่ คิสซิงเกอร์ หวังว่าการพบปะกันระหว่างสี จิ้นผิง และทรัมป์ นอกรอบการประชุม G-20 จะช่วยลดความตึงเครียดของ 2 ประเทศ
ธนาคารกลางอังกฤษปฏิเสธที่จะคืนทองคำที่รับฝากตามการร้องขอของรัฐบาลเวเนซูเอลา ในจำนวน 14 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 550 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องการนำไปฟอกเงิน อีกทั้งไม่ชัดเจนว่าการถอนทองคำเพื่อไปทำอะไร
1. EIU (Economist Intelligence Unit) ชี้ประเทศในกลุ่มเอเชียจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐกับจีนมากขึ้น เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยภาคธุรกิจ 3 กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบนั้น คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นิค มาร์โร นักวิเคราะห์ของ EIU กล่าวว่า แต่ก็มีบางประเทศที่จะได้ประโยชน์ในระยะยาวจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือ มาเลเซียและเวียดนาม ขณะที่ประเทศที่ได้รับประโยชน์ปานกลาง คือ อินเดีย อินโดนีเซีย และไทย ส่วนประเทศที่ต้องเผชิญกับอุปสรรค คือ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
2. ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า บริษัทของสหรัฐบางรายกำลังทบทวนชะลอการลงทุนในจีน โดยอาจจะพิจารณาถึงการย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศในเอเชียอื่นๆ เพิ่มขึ้น ตัวอย่างในกรณีของบริษัท Apple Inc ซึ่งเปิดสาขาย่อย หรือ Apple Stores ในขณะนี้ราว 30 แห่ง และกำลังจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 50 แห่ง
อย่างไรก็ตาม Apple Inc อาจจะพิจารณาทางเลือกอื่นในการขยาย Apple Stores ให้มากขึ้น ซึ่งให้ความสนใจใน 3 ประเทศที่ประกอบด้วย เกาหลีใต่ ไต้หวัน และไทย
3. เฮนรี่ คิสซิงเกอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ในวัย 95 ปี กล่าวในระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่ง โดยหวังว่าการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G-20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสต์ อาร์เจนตินา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม จะช่วยลดความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้เข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยเฮนรี่ คิสซิงเกอร์ ได้กล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะแก้ไขปัญหากับจีนผ่านทางการเจรจาฉันท์มิตร ขณะที่ผู้นำจีนได้กล่าวยกย่องอดีตนักการทูตระหว่างประเทศโด่งดังของสหรัฐว่า เป็นมิตรสหายเก่าแก่ของชาวจีน จากการที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและจีนช่วงทศวรรษ 1970
ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนอาจเกิดสถานการณ์แบบลุ่มๆดอนๆ แต่ก็ยังคงมีความคืบหน้าในการพัฒนาความสัมพันธ์ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเห็นการจะพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G-20 จะสามารถแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นต่างๆ ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน อย่างที่ประชาคมโลกต้องการ
4. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0-2.25% พร้อทส่งสัญญาณเดินตามแนวทางเดิมในการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคมนี้
ในขณะที่เศรษฐกิตสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ที่เอื้อต่อการจ้างงาานและการใช้จ่ายของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การลงทุนของภาคธุรกิจในสินทรัพย์ถาวรที่ชะลอตัวลง แต่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เงินเฟ้อไต่สูงขึ้นจนเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
5. รายงานข่าวล่าสุด ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปฏิเสธที่จะคืนทองคำที่รับฝากตามการร้องขอของรัฐบาลเวเนซูเอลา ในจำนวน 14 ตัน โดยอ้างว่า ไม่ชัดเจนว่าการถอนทองคำออกไปเพื่อทำอะไร
นอกจากนี้ BOE ยังเชื่อว่า การไม่ยอมให้รัฐบาลของประธานาธิบดี Nicolas Maduro ถอนทองคำที่ฝากไว้ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 550 ล้านดอลลาร์เป็นการปกป้องไม่ให้เกิดการนำไปดำเนินการใดๆ เพื่อการฟอกเงิน
เวเนซูเอลาต้องประสบกับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและการเงิน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงที่เรียกว่า Hyperinflation ซึ่งจะพุ่งทะลุถึง 1,000,000% ภายในสิ้นปีนี้ ตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในขณะที่ต้องประสบกับภาระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์
ดังนั้นทางออกของรัฐบาลคือการนำทองคำมาหนุนหลังเพื่อการชำระค่าสินค้าและการชำระหนี้ เนื่องจากในขณะนี้เวเนซูเลายังคงประสบกับการขาดแคลนอาหาร ทำให้เกิดความอดอยากของประชาชนชาวเวเนซูเอลาอย่างรุนแรง รวมทั้งยังต่อเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอีกด้วย