โดย นางจันทร์หอม ได้ให้การว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2 ตนเอง และ น.ส.รัชนีกร ศรีรักษา อายุ 22 ปี บุตรสาว และหลานสาว2คน ได้ซื้อตั๋วคนละ600 บาท ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศชั้น1 ของบริษัทชาญทัวร์ จำกัด สาย นครพนม-ระยอง ทะเบียน 10-7847 ขอนแก่น หมายเลขข้างรถ 827-14 ที่วิ่งออกจาก ต้นทาง จ.นครพนม เพื่อมาลงที่ปลายทาง สถานีขนส่งจังหวัดระยอง แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถตามที่นั่งที่ระบุไว้บนชั้นสอง แต่ปรากฎว่ารถมีปัญหาคนขับยังมุดซ่อมอยู่ใต้รถ จึงทำให้ผู้โดยสารต่างโวยวาย จนเกือบจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ แต่ปรากฎว่าซ่อมเสร็จทันรถตึงออกตัวมา ทางตนเองก็กลัวว่าจะเสียกลางทางเพราะเป็นการเดินทางไปหา
จนกระทั่ง เวลา 02.00 น.วันที่ 14 ต.ค.รถก็วิ่งเข้าสู่เขตจ.ระยอง จึงโทรประสานกับลูกเขยทันที โดยมีการนัดให้ลงที่สถานีขนส่งระยอง ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดระยะของรถ ซึ่งในขณะนั้นไม่เหลือผู้โดยสารท่านอื่นแล้ว มีเพียงตนกับลูกสาวและหลานสองคน จึงพยายามมองหาจุดที่ลูกเขยบอกให้ลง พอบอกจุดที่ผ่านปรากฎว่าลูกเขยบอกว่าเลยแล้วให้ลงเลย ทางตนเองจึงรีบเดินไปบอกให้คนขับรถจอดรถเพื่อจะลงตรงหน้า บริษัทไออาร์พีซี เพราะมีไฟสว่าง และ เห็นรปภ.ยืนอยู่หน้าบริษัท จึงคิดว่าปลอดภัย แต่คนขับได้เลยไปกว่า 500 เมตร จึงจอดให้ลง ซึ่งบริเวณนั้นมืดมาก จึงรีบกระเตงหลานพร้อมหิ้วข้าวของเดินมารอที่หน้าบริษัทดังกล่าว เพื่อรอให้ลูกเขยมารับ การกระทำดังกล่าวนับว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร โดยไม่จอดตามจุดที่กำหนด โดยที่ไม่มีพนักงานแจ้งว่าถึงไหนและจะจอดตรงไหน ทำให้เกิดความกลัว หากติดต่อญาติไม่ได้จะทำอย่างไร จึงมาแจ้งความไว้ให้ดำเนินคดีกับคนขับรถและบริษัทรถทัวร์คันดังกล่าว ต่อมาทางร้อยเวรได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรอผลการสอบสวนจากทางขนส่งจังหวดระยองที่นัดสอบสวนไว้แล้วมาประกอบการพิจารณาในการดำเนินคดีต่อไป
ฟังคลิปสัมภาษณ์ด้านล่าง
โดย นางจันทร์หอม ยอมรับว่าเป็นคนโพส เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในเฟสบุ๊คของตัวเองจริง เพื่อให้ทางบริษัทได้ร้บรู้จะได้ไม่เกิดเหตุขึ้นอีก และ ทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเองกับลูกสาวและหลาน ไม่ได้กล่าวหาทั้งหมด เพียงแต่กล่าวหาคนขับที่บกพร่องคนเดียวและยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัท ก็บริการกับตนเองและลูกหลานดี แต่ต้องการให้ทางขนส่งดำเนินการให้ความเป็นธรรมกรณีที่คนขับไม่ส่งลงที่ขนส่ง
น.ส.รัขนีกร ศรีรักษา เผยว่า ระหว่างที่รู้สึกผิดปกติ คนขับบอกว่าหลงทาง จึง ได้โทรศัพท์ พูดคุยกับสามีที่มารอรับตลอดเวลา ทำให้ทราบว่ารถได้เลยมาจากจุดที่ต้องการลงแล้ว รู้สึกกลัวอย่างมาก แต่ก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง เพราะตนเองต้องดูแลทั้งแม่และลูก กลัวก็กลัว พอสามีบอกให้หาทาง ลงจากรถให้ได้ เมื่อเห็นแสงไฟและป้อมยามจึงได้บอกให้คนขับจอด ขอลง ทั้งๆที่กลัวก็กลัว และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น
ส่วนนาย วีระศักดิ์ ตัวแทนบริษัทรถทัวร์ ได้ รับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อหาข้อมูลจากคนขับและพนักงานบนรถ ว่าความจริงเป็นอย่างไร หากเป็นจริงก็จะไม่เข้าข้างคนผิดเด็ดขาด ซึ่งต้องรอให้คนขับเดินทางกลับจาก จ.นครพนม ก่อนจะพาตัวมาพบทางเจ้าหน้าที่ขนส่งอีกครั้ง ในวันที่16 ต.ค.นี้
ด้านนส. ทิวา เพ็ญสาริการ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ ได้กล่าวหลังการสอบสวนว่า เบื้องต้นทราบว่าการขอลงรถเป็นความสมัครใจของผู้โดยสาร แต่ก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎของทางขนส่ง ที่ระบุชัดเจนต้องเข้าจอดที่ สถานีขนระยองเท่านั้น จึงเป็นการออกนอกเส้นทาง แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็จะต้องสอบสวนคนขับอีกครั้ง จึงจะสรุปได้ว่า ความจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร คงต้องรอการสอบสวนคนขับก่อนจึงจะสรุปว่าผิดหรือไม่ผิดอย่างไร ซึ่งจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผิดก็จะมีโทษปรับและพักใบอนุญาตขับขี่ พร้อมบันทึกประวัติไว้