3 รมต. บุกตลาดน้ำระดมสมองฟังปัญหา ปชช. "สนธิรัตน์" ยันมาในนามพรรค #พลังประชารัฐ ไร้หัวโขน รมต.

ขอทำความเข้าใจ วันนี้พวกตนไม่ได้มีเจตนามาในนามรัฐมนตรี ซึ่งอยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้พวกตนมาในนามของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ทุกคนสบายใจที่ได้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ตนไม่มีหัวโขนติดมาในวันนี้ แต่ต้องการแลกเปลี่ยนกับทุกคน เพราะภาคประชาสังคมคือหัวใจใหญ่ที่สำคัญมากกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะหากภาคประชาสังคมไม่เข้มแข็งจะเป็นจิกซอว์ที่ขาดหาย ตนอยู่ภาคประชาสังคมมาเป็น 10 ปีแล้ว ทำงานภาคประชาสังคมมาโดยตลอด ตนคิดว่าโอกาสภาคประชาสังคมที่จะเข้ามาให้นโยบายต่างๆ เรายังมีโอกาสน้อย 

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าพอเราทราบว่าประชาชนมาอยู่กันที่นี้เป็นกลุ่ม ซึ่งนายชวนมีบทบาทในการช่วยรับฟังนโยบายต่างๆ ตนจึงถือโอกาสมาฟัง เพระหากท่านมีอะไรดีๆที่คิดว่าประเทศไทยขาดและเราอยากเติมส่ิงนั้นไปด้วยกัน ระหว่างที่ตนเดินมาพบกลุ่มต่างๆก็มีเรื่องราวดีๆหลายอย่างที่ท่านรับผิดชอบกันอยู่ แต่ไม่เคยถูกขับเคลื่อนระดับนโยบาย เราจะรวบรวบส่ิงเหล่านี้สู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบาย เพราะส่ิงเหล่านี้หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส นี้คือส่ิงที่ตั้งใจมา เราฐานะพี่น้องกันตนมาในฐานะอาสาที่จะเป็นตัวแทนภาคประชาชน มารับฟังพี่น้อง วันนี้ไม่มีพิธีกรรมเยอะ มีเพียงสาระที่อยากได้ อยากให้ทุกคนพูดเสนอประเด็นเต็มที่ ซึ่งพวกตนที่อาสามาทำงานบ้านเมืองในนามของพรรคจะรับไปพิจารณา และเรื่องไหนที่ดี เดี๋ยวมาช่วยพรรคทำงาน มาช่วยกันแลกเปลี่ยนกันต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าวทีมผู้จัดงานได้แบ่งตัวแทนเครือข่ายประชาชนกว่า 200 คน เป็น 3 กลุ่มและส่ง 3 รัฐมนตรีได้แก่ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค เข้ารับฟังปัญหาซึ่งคล้ายกับการลงกิจกรรมของคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชนแสดงความเห็นข้อเสนอแนะทีละคน ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความเห็นในทางชื่นชมการทำงานของรัฐบาล พร้อมขอบคุณรัฐมนตรีที่ใช่แนวทางประชารัฐขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน ทั้งนี้มีตัวแทนจาก จ.นครราชสีมา นายภานุมาศ แก้วนอก แกนนำชาวนา เรียกร้องในวงของนายอุตตมว่า รัฐบาลต้องเร่งทำพื้นที่ภาคอีสานเป็นมหาอำนาจทางด้านการผลิตข้าว เพราะในพื้นที่ภาคอีสานมีศักยภาพเพียงพอ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาอย่างเดียวคือเรื่องระบบของน้ำ ดังนั้นหากพรรคพลังประชารัฐผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตนเชื่อว่านายอุตตมจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหน้าอย่างแน่นอน และพรรคพลังประชารัฐจะได้ใจคนอีสานทั้ง 20 จังหวัด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในวงของนายอุตตม ยังมีตัวแทนของเกษตรกรเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยเป็นตัวแทนของเกษตรกร เพราะที่ผ่านมากว่า 98% ผู้ที่ลงสมัคร ส.ส. จะเป้ฯกลุ่มผู้รับเหมา นักธุรกิจ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวไม่มีแนวคิดหรือนโยบายที่ดีพอ สำหรับการแก้ปัญหาของเกษตรกร

ขณะที่ในวงของนายสนธิรัตน์ ประเด็นหลักคือการส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยววิถีชุมชน และทำที่พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งในวงดังกล่าว นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือบ๊วย ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ร่วมรับฟังด้วย พร้อมกับแนวคิดของชาวบ้านเพื่อจัดทำแบรนด์ เพื่อต่อยอดวิถีชุมชนดังกล่าวด้วย นอกจากนั้นตัวแทนผู้นำชุมชน ยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นถึงจะสร้างวิถีชุมชนที่ผ่านมาด้วย ด้านนายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากที่ได้รับฟังความเห็นของแกนนำแต่ละเครือข่ายชุมชนแล้ว ทำให้เห็นปัญหาและเกิดแนวความคิดใหม่ว่าประชาชนที่รวมตัวเป็นเครือข่ายเข้มแข็งสามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ ในขณะที่บางพื้นที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาในรูปแบบเดียวกันได้ ดังนั้นการต่อยอดต่อไปคือต้องดึงเครือข่ายภาคประชาชนที่อยู่ในรูปแบบเดียวกัน มาพบกันเพื่อกาแนวทางการพัฒนาและแก้ไขต่อไป ขณะที่พรรคพลังประชารัฐถือว่าเป็นเพียงตัวกลาง ที่จะสร้างเวทีให้ชุมชนต่างๆ มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนความเห็น ส่วนครั้งต่อไป จะมีการจัดเวทีในลักษณะดังกล่าวอีกในพื้นที่ใดหรือไม่ ต้องพิจารณากันอีกครั้ง