svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"แกร็บคาร์" เชียงใหม่ ส่งหนังสือขอโทษหนุ่ม-ให้ส่วนลด1พัน

02 ตุลาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนุ่มกรุงเทพฯ แฉหลังร้องเรียน "แกร็บคาร์"เชียงใหม่ ถูกให้ยกเลิกบุ๊คกิ้ง-บังคับจ่ายเต็ม โทรศัพท์แจ้งให้ส่วนลด 1 พันบาท พร้อมหนังสือขอโทษ เรียกร้องรับผิดชอบต่อสังคม-ออกมาตรการความปลอดภัย ก่อนแเจ้งความ-เตรียมร้องสคบ.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เตือนภัย"แกร็บคาร์" เชียงใหม่ บังคับจ่ายเต็ม

-----

นายภูทะเล (นามสมมุติ) ชาวกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ภายหลังได้ร้องเรียนกับ"ศูนย์ข่าวภาคเหนือ เครือเนชั่น"ว่ากรณีพนักงานขับรถของแกร็บคาร์ (grab car) บังคับให้ยกเลิกบุ๊คกิ้งและให้จ่ายราคาเต็มจำนวน หลังจากรับจากหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่ีอเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ และมีการร้องเรียนผ่านคอลเซ็นเตอร์นั้น หลังเกิดเหตุวันเดียว ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ที่สน.ประเวศ กรุงเทพฯ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของตนเองและต่อไปจะไปร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)



ทั้งนี้ หลังจากที่ตนได้โทรศัพท์ร้องเรียนไปที่แกร๊บคาร์ สำนักงานใหญ่ ถึงพฤติกรรมของคนขับรถดังกล่าว มีการยื้อข้อมูล และบอกเพียงว่าได้สั่งยกเลิกสัญญาคนขับ กระทั่งล่าสุดได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าจะให้ส่วนลดจำนวน 1,000 บาท พร้อมจะส่งหนังสือขอโทษมาให้



"การที่แกร๊บคาร์จะส่งหนังสือขอโทษมาให้และให้ส่วนลดนั้น ผมไม่ได้ยินดีด้วย แต่สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้แกร๊บคาร์ ออกมารับผิดชอบต่อสังคม และจะมีมาตรการอะไรที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารในเรื่องของความปลอดภัย เพระาผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมเจอ หลายคนก็เจอแต่ไม่กล้าทำอะไร"นายภูทะเล (นามสมมุติ) กล่าว



เขากล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาของแกร๊บคาร์ คือ พยายามที่จะให้เรื่องนี้เงียบไป เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ที่แย่สุด มีการพูดคุย 3 สาย ทำให้คนขับทราบว่าผู้ร้องเรียนเป็นใคร สุุดท้ายผู้ร้องเรียนก็ไม่กล้าทำอะไร ถือว่าการรับผิดชอบของแกร๊บคาร์มีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม อยากย้อนถามกลับไปทางผู้บริหารว่า ส่วนลด 1 พันบาทคุ้มค่ากับความปลอดภัยในชีวิตหรือไม่



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา นายภูทะเล (นามสมมุติ) ชาวกรุงเทพฯ



ได้เรียกแกร็บคาร์ (grab car)ผ่านแอพพลิเคชั่นจากหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ภายหลังมาทำงานที่ จ.เชียงใหม่ จนเรียบร้อย เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ซึ่งในแอพพลิเคชั่นได้ตกลงในราคา 284 บาท



จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันเดียวกัน คนขับรถแกร็บคาร์ อายุประมาณ 40 กว่าปี ไว้ผมยาว มัดผมได้ขับรถมารับและขอให้นั่งด้านหน้าตรงนี้ตนพอเข้าใจได้เนื่องจากที่ผ่านมาพอทราบข่าวเรื่องความขัดแย้งระหว่างแท็กซี่สนามบิน กับแกร๊บคาร์ จึงไม่ได้ติดใจอะไรพอรถออกได้ประมาณ 3 วินาที คนขับรถก็ถามว่าใช้บริการแกร๊บคาร์ประจำหรือไม่ตนก็ตอบว่าเป็นประจำและพยายามขอร้องให้ตนยกเลิก "บุ๊คกิ้ง"ในแอพพลิเคชั่นตนก็งงจึงถามว่ามีเหตุผลอะไรและตนพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะตนไม่อยากกดจากนั้นเขาก็จอดรถข้างทางเลย พยายามจะให้ตนกดให้ได้ ประกอบกับบุคคลิกคนขับูน่ากลัว ตนจึงจำใจต้องกดยกเลิกในตอนนั้น



"ระหว่างทางก็พยายามชวนคุย และบอกว่าเขามีเพื่อนเป็นผู้ใหญ่ เป็นตำรวจ เป็นนั่นเป็นนี่ฟังแล้วน่ากลัวมาก ดูวิกลจริตเล็กน้อย แถมขับรถดูอันตรายพอใกล้ถึงถึงสนามบิน ผมจะจ่ายเงินซึ่งก่อนหน้าที่จะขอร้องให้ยกเลิกบุ๊คกิ้ง บอกว่าลดราคาให้ แต่เมื่อถึงจุดหมายกลับจะเก็บค่าบริการตามยอดเดิม 284 บาท"นายภูทะเล กล่าว



หนุ่มกรุงเทพฯรายนี้ กล่าวต่อว่าตามปกติค่ารถจะต้องจ่ายจริงตามแอพพลิเคชั่น 284 บาท และหากเป็นของแกร็บคาร์ จะลดไปอีก 25% โดยประมาณก็น่าจะ 200 กว่าบาท ตนจึงจ่ายให้เขาไป 210 บาท แต่คนขับรถกลับไม่พอใจและพยายามบอกว่าเขาควรจะได้เต็มจำนวน 284 บาท มิฉะนั้นเขาไม่ควรเสี่ยงที่จะให้ยกเลิกบุ๊คกิ้่ง จากนั้นก็เริ่มพูดจาไม่ดี สุดท้ายเลยต้องจ่ายให้ 310 บาทแล้ว ก่อนแยกย้ายตนก็พูดเตือนสติคนขับรถไปว่าเขาทำแบบไม่ถูกต้อง



จากนั้นตนได้โทรศัพท์ร้องเรียนไปที่แกร๊บคาร์ สำนักงานใหญ่ ถึงพฤติกรรมของคนขับรถดังกล่าว เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตนได้ลงเครื่องที่กรุงเทพฯ ได้เจ้าหน้าที่แกร๊บคาร์ ได้โทรศัพท์มาหา พร้อมกับแจ้งว่าทางคนขับรถปฎิเสธไม่ได้ให้บริการอ้างว่าอารมณ์ไม่ดีจึงไม่ได้รับตนขึ้นรถมาส่งสนามบิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่อธิบายว่าเขามีวิธีการที่จะทำให้คนขับไม่ทราบว่าคนร้องเรียนเป็นใคร แต่การดำเนินการของแกร๊บคาร์ ไม่ถูกต้องเพราะเวลาห่างกันเพียง 1 ชั่วโมง ทางคนขับรถก็ทราบกรณีนี้เป็นใคร ถือว่าไม่ปลอดภัยกับลูกค้า



นายภูทะเล กล่าวว่า ในเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม คนขับรถโทรศัพท์ไปที่ร้านเรื่องเสียงแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3ซึ่งเป็นจุดต้นทางที่มารับตนไปสนามบิน เพื่อสอบถามว่ารู้จักตนหรือไม่เขาพยายามอ้างว่าตนทำให้เขาเสียหายถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้างขับรถให้กับแกร๊บคาร์ จนสูญเสียอาชีพ ไม่มีรายได้ที่จะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทางร้านเห็นท่าทางไม่ดีก็พยายามบ่ายเบี่ยงและปฎิเสธ



ต่อมาเวลาประมาณ14.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม คนขับรถได้โทรศัพท์ไปที่ร้านเครื่องเสียงอีกครั้งขอเข้าไปที่ี่ร้านดูกล้องวงจรปิดเพื่อขอดูหน้าตน พร้อมกับเอะอะโวยวายจนเกือบจะทะเลาะกัน ในที่สุดทางร้านไม่อนุญาตให้ดูกล้องวงจรปิดแต่อย่างใดขณะเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยส่วนตัว ได้บล็อกเบอร์ของคนขับรถคู่กรณี ซึ่งที่ผ่านมาพยายามโทรมาหาตน แต่ตนไม่รับเพราะไม่ทราบวัตถุประสงค์ พร้อมตั้งค่าในไลน์ (Line)ใหม่ เพื่อไม่ให้เพิ่มชื่อโดยอัติโนมัติและลบภาพในไลน์ออกหมด เพื่อไม่ให้เขาสืบหาตัวตนได้



"กรณีนี้ถ้าผมไม่ได้ลงที่สนามบิน ผมไปลงที่บ้าน จะเกิดอะไรขึ้น เขาคงจะตามไปที่บ้าน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องเตือนภัยให้กับสังคมรู้ว่ามันอันตราย ห้ามนั่งหน้ากับแกร๊บ ให้นั่งหรือทำตัวเหมือนนั่งรถสาธารณะ ทางแกร๊บจะต้องเน้นความปลอดภัยของลูกค้า"นายภูทะเล กล่าว


นายภูทะเล กล่าวอีกว่า ในตอนแรกถามว่าถ้าตนจะแจ้งความฟ้องร้องต้องแจ้งใคร ทางแกร็บคาร์ บอกว่าต้องแจ้งกับคนขับ ตนก็เข้าใจแต่สิ่งที่ตนไม่โอเคการทำงานของแกร๊บคาร์ ก็คือไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ เน้นแต่ความเร็วอย่างเดียว ตรงนี้ตนมองว่าแกร๊บคาร์มีปัญหา หากถ้าไม่ได้เกิดกับตนแต่เกิดผู้หญิงหรือเด็ก จะเป็นอย่างไร



ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนมีความเชื่อว่าการเรียกแกร๊บคาร์ ปลอดภัยกว่าแท็กซี่ เพราะว่ามีแทร็กกิ้งแต่พอแทร็กกิ้งได้ จึงเกิดปัญหา อย่างไรก็ตามตนมองว่าแกร๊บคาร์มาตรฐานแตกต่างจากอูเบอร์มาก เพราะคนขับถูกฝึกอบรมและมีมารยาทดีแต่ของแกร๊บคาร์ทุกวันนี้ไม่ต่างอะไรกับแท็กซี่ เหมือนเอาใครก็ได้มาขับรถ ยิ่งเกิดกรณีของตน เหมือนกับเขาไม่ได้คำถึงความปลอดภัยเน้นแต่ความรวดเร็ว

logoline