นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับมติที่ประชุมกำหนดมีอยู่ 3 ประเด็นคือ 1.เห็นตรงกันให้หยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค 2.ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องมีเสียงรับรองจาก ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา หรือส.ส.ในอดีตของพรรคที่ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ในรูปแบบใดก็ได้จำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน หรือใช้สมาชิกพรรคภาคละ 500 คนรับรอง
ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จะต้องใช้เกณฑ์เพิ่มอีก 1 เท่า คือ มีส.ส. 40 คน หรือมีสมาชิกภาคละ 1,000 คน เป็นผู้สนับสนุน 3.ผู้มีสิทธิหยั่งเสียงมี 3 ประเภท คือสมาชิกที่มายืนยันความเป็นสมาชิกกว่า 8 หมื่นคน, สมาชิกที่จะสมัครในอนาคตจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2561 และสมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนที่ไม่ได้ยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคตามคำสั่ง คสช. แต่ไม่ได้ลาออกจากพรรค
รองหัวหน้าพรรคประชาธปิตย์กล่าวอีกว่า ในส่วนวิธีการลงคะแนนให้ใช้วิธีการทางอีเล็คทรอนิกส์เป็นหลัก ถ้าไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ให้ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งซึ่งจะมีอย่างน้อยหนึ่งหน่วยในแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ให้ผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรคหารือกันเพื่อเสนอรายชื่อผู้ทำหน้าที่เป็นกรรมการดำเนินการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค (กกต.พรรค) จำนวนรวมกันไม่เกิน 5 คน เพื่อดูแลการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ส่วนกำหนดวันการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคจะใช้ช่วงระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-5 พ.ย. ซึ่งผู้ที่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนหยั่งเสียงโดยใช้สมาร์ทโฟนได้ จะโหลดแอพพลิเคชั่นได้ต่อไป สำหรับผู้จะไปใช้สิทธิในหน่วยเลือกตั้งที่พรรคจัดให้สามารถไปใช้สิทธิได้ในวันที่ 5 พ.ย.61 จากนั้นจะจัดประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคในวันที่ 11 พ.ย.61
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติกำหนดเงื่อนเวลาให้รับสมัครผู้สนใจลงรับการคัดเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ในที่ 8 ต.ค.จากนั้นวันที่ 9 ตุลาคมจะมีการแต่งตั้ง กกต.พรรคกำกับดูแลการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ควบคู่ไปกับการรับสมาชิกใหม่ซึ่งจะเปิดรับจนถึงวันที่ 15 ต.ค. และวันที่ 1-5 พ.ย.จะเป็นวันลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดยระบบอิเล็คทรอนิกส์และเพิ่มให้ลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.ด้วย ก่อนที่จะประชุมใหญ่ในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งจะได้หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อกกต.รับรองก็จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้