นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ "แรมโบ้อีสาน" อดีตแกนนำ นปช.กล่าวถึงการประชุมพรรค พปชร.นัดแรกว่า เป็นการประชุมเพื่อตั้งหัวหน้า เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่ กกต.กำหนด หลังจากนั้นพรรคก็จะเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคและสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศในขั้นตอนต่อไป ซึ่งตนคาดว่าน่าจะมีการประชุมใหญ่สมาชิกพรรคอีกครั้งในปลายเดือนตุลาคมนี้เพื่อจัดสรรตำแหน่งต่างๆภายในพรรคให้มีความสมบูรณ์ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อนั้นกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสามมิตร กลุ่มพลังโคราช และกลุ่มอื่นๆก็จะเข้าร่วมและพรรคพลังประชารัฐก็จะมีความพร้อมที่สุดสำหรับการลงสนามเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ในส่วนตนเองนั้นก็ไม่ได้เรียกร้องหรือต่อรองใดๆทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใหญ่ในพรรคจะเห็นถึงความเหมาะสมตนพร้อมทำงานได้ทุกตำแหน่งเพียงแต่อยากเห็นประเทศชาติเกิดความปรองดองและมีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทั้งนี้หลังมีการจัดสรรตำแหน่งต่างๆภายในพรรคแล้ว ตนมั่นใจว่านโยบายของพรรครวมกับผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน และพรรคพลังประชารัฐก็จะนำเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 หลังการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐเสร็จสมบูรณ์แล้วพรรคเราไม่มีเวลาที่จะมาสร้างความขัดแย้งกับพรรคการเมืองใด ทำได้อย่างเดียวคือ การคิดนโยบายที่ดีและสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งบรรดาสมาชิกพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจะต้องช่วยกันไปรับฟังปัญหาของประชาชนแล้วนำมาเสนอกับผู้บริหารพรรคเพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคก่อนนำไปเสนอให้ประชาชนตัดสินใจ
นายสุภรณ์ฯกล่าวอีกว่าพรรคพลังประชารัฐจึงขอส่งสัญญาณไปถึงทุกพรรคการเมืองว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคจะต้องช่วยกันสร้างสรรค์บรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ก็พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นพันธมิตรกับพรรคการเมืองที่เห็นว่าจะร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติได้ ถ้าพรรคที่มีจุดยืนและอุดมการณ์เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐส่วนตัวเห็นว่าพรรคเราก็คงไม่มีปัญหาที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลทำงานด้วยกันเพื่อนำพาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป สำคัญที่สุดพรรคพันธมิตรที่จะมาร่วมกันทำงานจะต้องมีหัวใจคือประชาชนและยึดมั่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ