svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

เครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบการคัดเลือกผู้รับเหมา"ป่าแหว่ง"ไม่โปร่งใส

29 กันยายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ เตรียมยื่นป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย กรณีการคัดเลือกผู้รับเหมาออกแบบและก่อสร้างโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ "บ้านป่าแหว่ง" ไม่โปร่งใส ไม่ได้แจ้งรายละเอียดการประมูลให้ครบถ้วนเข้าสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปิดบังข้อมูลในขั้นตอนคัดเลือก และส่อว่าอาจจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้รับเหมาทั้งในระยะออกแบบ และการก่อสร้าง พร้อมตั้งข้อสงสัยการส่งมอบล่าช้าไปกว่า 100 วันคิดค่าปรับไม่ต่ำกว่า 25ล้านบาทรัฐเสียหายหรือไม่

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่29 กันยายน 2561 ที่โฮงเฮียนสืบสานล้านนา จังหวัดเชียงใหม่   นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ แกนนำเครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ  แถลงว่า ก่อนหน้านี้ชาวเชียงใหม่ได้มีการเคลื่อนไหวขอให้ส่งมอบพื้นที่บ้านพักข้าราชการตุลาการ และให้รื้อ ให้ย้ายผู้พักอาศัยอาคารชุดลงมาข้างล่าง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าไม่มีการตอบรับ แม้ว่าจะมีการจัดชุมนุมแล้วก็ตาม ในวันนี้จำเป้นต้องขุดคุ้ย และนำเสนอให้เห็นเอกสารบางอย่างที่ส่อให้เห็นว่าที่สำนักงานศาลบอกว่าทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ถูกทั้งหมด ทางเครือข่ายมีข้อสงสัยประเด็นแรก คือ ผอ.สำนักบริหารงานก่อสร้าง กับเอกชนผู้รับเหมาออกแบบโครงการบ้านป่าแหว่ง ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เรียนอุเทนถวายมาด้วยกัน  พฤติกรรมอาจจะเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่งถือเป็นประเด็นเรื่องธรรมาภิบาลที่ต้องตรวจสอบ   


ประเด็นที่ 2 การส่งมอบงานที่ช้า โครงการนี้สร้างมา 5 ปียังไม่เสร็จ คาดว่าจะเสร็จเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 แต่ก็มีการต่อสัญญามาเรื่อยๆ จนขณะนี้เกือบจะ 100 วันคิดค่าปรับไม่น่าจะต่ำกว่า 25 ล้านบาท ทางเครือข่ายสงสัยว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาหรือไม่ และประเด็นที่ 3 สัญญาที่ถูกต้อง 3 สัญญา แต่มีข้อสงสัยมากมาย ซึ่งทางเครือข่ายไม่อยากขุดคุ้ย แต่ในเมื่อไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จึงต้องมีการนำเสนอข้อมูลให้ทุกคนได้รับทราบว่า ที่ว่าทำถูกต้องนั้น จริงหรือไม่ 


"เป็นความนิ่งเฉยของรัฐบาล และสำนักงานศาลไม่มีการตอบรับ การส่งมอบงานผมไม่เชื่อว่าเงินค่าปรับวันละ 350,000 บาท มีการปรับหรือไม่ เงินหลวงจะปิดเป็นความลับไม่ได้ ถึงเวลาที่ชาวเชียงใหม่ที่จะได้รับข้อมูลที่บอกว่า ถูกต้องตามกฎหมาย มีบางส่วนไม่ถูกจริง โดยตอนนี้คนเชียงใหม่ยังจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เคาะระฆัง ผูกริบบิ้น เดินสำรวจธรรมชาติ มีการประชุมนักกฎหมาย ซึ่งคนเชียงใหม่ไม่หยุดขอคืนผืนป่าดอยสุเทพแห่งนี้  โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เวลา 10.00น.ทางตัวแทนเครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพจะเดินทางไปยื่นหนังสืิอต่อสำนักงานป้องกัน และปราบปรามทุจริตแห่งชาติ สำนักงานเชียงใหม่ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบทั้ง 3 ประเด็น "  นายธีระศักดิ์ กล่าว 


หลังจากนั้น ทางเครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ ได้แจกเอกสารแถลงข่าวลงวันที่ 29 กันยายน 2561 เรื่อง มีมติยื่นร้องให้ตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย กรณีความสัมพันธ์และผลประโยชน์ทับซ้อน และการปิดบังข้อมูลการประมูลโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาคม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งเป็นตามมติของที่ประชุมองค์กรเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ประจำเดือนกันยายน 2561 ขอให้ส่งตัวแทนยื่นร้องเรียนกรณีการคัดเลือกผู้รับเหมาออกแบบและก่อสร้างโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ "บ้านป่าแหว่ง" ไม่โปร่งใส ไม่ได้แจ้งรายละเอียดการประมูลให้ครบถ้วนเข้าสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ปิดบังข้อมูลในขั้นตอนคัดเลือก และส่อว่าอาจจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้รับเหมาทั้งในระยะออกแบบ และการก่อสร้าง


ในเอกสารดังกล่าว ระบุว่า  กรณีแรกพบว่า นายวิทยา เกื้อกูลธเนศ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานออกแบบและก่อสร้างสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย (อุเทน46) กับ นายวิศัลย์ ศศิธรานนท์ ผู้บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท เกทเวย์ อาร์คิเท็ค จำกัด ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็นผู้ออกแบบโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีหลักฐานภาพถ่ายและข่าวในสื่อมวลชนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน แม้ฝ่ายหนึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารงานออกแบบและก่อสร้าง กับอีกฝ่ายหนึ่งในฐานะบริษัทผู้รับเหมาที่รับงานจากสำนักงานศาลยุติธรรมแล้ว


ทั้งนี้ ข้อสงสัยสำคัญ คือ  การได้รับการคัดเลือกให้รับงานออกแบบโครงการ "บ้านป่าแหว่ง" ในครั้งนั้น ไม่ปรากฏในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ตรวจสอบเพิ่มพบว่า บริษัทเกทเวย์ อาร์คิเท็ค จำกัด เคยรับงานและเป็นคู่สัญญากับสำนักงานศาลยุติธรรมอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ปรากฏในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ


นอกจากนั้น  การออกแบบโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการบ้าน  ที่ อ.แม่ริม ประสบปัญหาจนเกิดความล่าช้าใช้เวลาก่อสร้างนานร่วม 5 ปีจากกำหนดเดิมไม่เกิน 2 ปี และต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดสัญญาหลายครั้งปรากฏในบันทึกท้ายสัญญา ทั้งยังพบว่าบ้านพักหลายหลังตั้งบนพื้นที่ลาดชันไม่เหมาะสม จึงควรจะมีการตรวจสอบว่าในขั้นตอนการกำหนดขอบเขตงานออกแบบก่อสร้างมีข้อผิดพลาดไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ หรือ มีการเอื้อประโยชน์กำหนดคุณสมบัติเอกชนผู้รับงานหรือไม่


กรณีที่สอง  การประกวดราคาหาผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการและอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่โปร่งใส แบ่งโครงการออกเป็นสามสัญญา ได้เอกชนรายเดียวกันเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และมีการปกปิดข้อมูลไม่แจ้งเข้าระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ซึ่งทำให้ไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดว่า เหตุใดจึงได้เอกชนรายเดิมในการประมูลสัญญาที่ 2 และ 3 


ทั้งนี้  โครงการนี้มีการแบ่งเป็นสามสัญญา คือ สัญญาแรกทำกันเมื่อ 19 มิถุนายน 2556 ให้ก่อสร้างบ้านพักระดับประธานและรองฯ จำนวน 9 หลัง บวกกับอาคารชุด 64 หน่วย มูลค่า 342,432,710.28 บาท ขั้นตอนการประกวดราคา มีผู้ซื้อซอง 26 ราย ยื่นจริง 4 ราย ได้บริษัท พี.เอ็น.เอส.ไซน์. จำกัดเป็นผู้ชนะและได้รับคัดเลือกทำสัญญา โดย        โครงการแรก ได้แจ้งรายละเอียดเข้าระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐครบถ้วน ยังทำให้สื่อมวลชนเช่น สำนักข่าวอิศรา และ เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เคยใช้รายงานสกู๊ปข่าวนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา


แต่ปรากฏว่าสัญญาที่ 2 ก่อสร้างบ้านพักและอาคารชุดส่วนที่เหลือ มูลค่า321,670,000 บาท ซึ่งจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2557 กับสัญญาที่ 3 ก่อสร้างอาคารสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 มูลค่า 290,885,000 บาท เมื่อกลางปี 2557 กลับไม่มีรายละเอียดแจ้งลงในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะรายละเอียดการยื่นเสนอราคา จำนวนเอกชนที่ซื้อซองและเอกชนที่ยื่นราคา เพราะว่าในที่สุดเอกชนรายเดิมที่ได้สัญญาแรกคือ บริษัทพี.เอ็น.เอส.ไซน์. จำกัด ได้สัญญาก่อสร้างทั้งหมดไป  ดังนั้น  การปกปิดข้อมูลสำคัญไม่แจ้งเข้าระบบเพื่อให้สาธารณะตรวจสอบได้ เป็นข้อพิรุธที่สมควรให้หน่วยงานตรวจสอบเข้ามาดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง 



ทั้งนี้ จนกระทั่งล่าสุด สำนักงานศาลยุติธรรมยังไม่สามารถรับมอบงานจากผู้รับเหมาได้ตามกำหนด ทั้งที่มีการต่อเวลาก่อสร้างนานกว่าสามปี รอบสุดท้ายกำหนดแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จแต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ต่ออายุสัญญาหรืออนุญาตให้เอกชนผู้รับเหมาดำเนินการต่อเช่นไร เพราะว่าตามสัญญาที่ทำไว้ หากบริษัทผู้รับเหมาไม่สามารถส่งมอบงานก่อสร้างบ้านพักเดี่ยวและอาคารชุดได้ทันกำหนดจะต้องถูกปรับเงินและค่าใช้จ่ายจ้างผู้คุมงานตกรวมกันถึงวันละประมาณ 350,000 บาท คำนวณเป็นตัวเงินกรณีต้องปรับ นับจากวันที่ 18 มิถุนายนมาจนถึงประมาณสิ้นเดือนสิงหาคมซึ่งก็ยังไม่สามารถส่งมอบได้ คิดเป็นเงินกว่า 25 ล้านบาท


ทางเครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ  จึงตั้งข้อสงสัยว่า หากไม่มีการปรับแต่อนุโลมให้เอกชนก่อสร้างต่อไปเรื่อยๆ จะเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนผู้รับเหมาและทำให้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ กรณีนี้สำนักงานศาลยุติธรรมไม่เคยชี้แจงใดๆ ต่อสาธารณะเลยทั้งๆ ที่ปัญหา "ป่าแหว่ง" เป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาที่สาธารณะให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ขอเรียกร้องให้สำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ให้เป็นที่รับรู้ และขอให้เร่งรัดส่งมอบงานจากผู้รับเหมาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

logoline