ทั้งคู่ถูกพบเป็นศพในรถมินิ คูเปอร์ จอดอยู่ข้างทาง หลังจากสูดก๊าซคาร์บอนมอน็อกไซด์จากลูกบอลโยคะในกระโปรงท้ายรถ อัยการกล่าวหาจำเลยว่าเป็นคนวางลูกบอลมรณะไว้หลังรถแต่ไม่มีหลักฐาน แต่เพื่อนร่วมงานพบเห็นจำเลยซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล ปรินซ์ออฟเวลส์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิสัญญีวิทยา มหาวิทยาลัยไชนีส ออฟ ฮ่องกง อัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ใส่ลูกบอลโบคะ 2 ลูก
นายแพทย์เกา บอกเพื่อนร่วมงานว่ามีแผนนำก๊าซนี้ไปทดลองกับกระต่าย แต่เมื่อให้การกับตำรวจ เขาอ้างว่าจะนำไปใช้กำจัดหนูที่บ้าน เขายอมรับว่าใส่ลูกบอลไว้หลังรถ และปล่อยลมออก 1 ลูกในวันถัดมาเพราะรั่ว
อัยการกล่าวหานายแพทย์เกา ซึ่งมีสัมพันธ์ชู้สาวกับนักศึกษา และภรรยาไม่ยอมหย่าวางแผนโดยเจตนาและไตร่ตรองเป็นอย่างดี โดยสั่งซื้อก๊าซคาร์บอนมอน็อกไซด์ผ่านทางหน่วยงานมหาวิทยาลัย อ้างว่าจะนำไปใช้วิจัย
ต่อมา นายแพทย์เกาอ้างว่าลูกสาววัยรุ่นอาจใช้ลูกลบอลโยคะไปฆ่าตัวตาย แต่ลูกขุนไม่เชื่อ และผู้พิพากษาตัดสินเมื่อวานว่า เป็นการฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
แอปเปิลเดลีย์ รายงานว่า หลังทราบผลตัดสิน นายแพทย์เกาหันไปหาลูก 3 คนที่ร่วมฟังคำพิพากษาในศาลด้วย และสั่นศีรษะราวกับบอกว่าพ่อไม่ได้ทำเช่นนั้น
เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า จากคำให้การระหว่างพิจารณาตลอดหนึ่งเดือน สะท้อนปัญหารักสามเส้าและชีวิตคู่ไม่มีความสุขกับภรรยาที่อยู่กินกันมานาน 23 ปี
จำเลยกับภรรยาระหองระแหงกันหลายปี แต่ยังอยู่บ้านเดียวกันกับลูก 4 คน ขณะเดียวกัน ก็คบหากับ ชารา ลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสีวิทยา มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิก อดีตเป็นนักศึกษาของเขา มาตั้งแต่ปี 2545 กระทั่งหลังจากภรรยาเสียชีวิต ยังเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน
ทั้งสองเคยคุยเรื่องหย่า แต่ไม่ไปถึงไหน นายหว่องบอกครูสอนโยคะก่อนเสียชีวิตว่า สามีกลัวว่าถ้าหย่ากัน ภรรยาจะได้ส่วนแบ่งสมบัติ ครูโยคะให้การเช่นนี้กับตำรวจแต่นายแพทย์เกา ให้เหตุผลต่างออกไปว่าเคยคุยเรื่องแยกกันอยู่และหย่าจริง แต่เพราะยังหาทางออกเรื่องดูแลลูก 4 คนไม่ได้ จึงตัดสินใจอยู่ด้วยกันไปก่อน
ทนายจำเลย พยายามแย้งว่า ไม่ควรให้น้ำหนักกับการนอกใจของเขา ว่าเป็นแรงจูงใจ เพราะภรรยารับรู้และทำใจได้มานาน ผู้พิพากษาเห็นด้วยแต่ชี้ว่าหากภรรยาตาย สามีคือผู้ได้รับประโยชน์ทางการเงิน