svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"บิ๊กโจ๊ก" คาดออกหมายจับเจ้าของเพจ "สมุยไทม์-CSI LA" เร็วๆนี้

31 สิงหาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" คาดออกหมายจับเจ้าของเพจ "สมุยไทม์" และ "เพจ CSI LA" กรณีกระพือข่าว วางยาและข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ได้ภายในวันนี้ ข้อหานำเข้าข้อมูลเป็นเท็จ ระบุคนแชร์กว่า 20 ราย ถูกหางเลขด้วย เล็งออกหมายเรียกเข้าให้ข้อมูล

สน.พหลโยธิน - เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวถึงคดีการวางยาและข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า ว่า เรื่องนี้ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตน พร้อมคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยประกอบด้วย พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผบช.สพฐ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในทุกประเด็นทั้งพยานบุคคล รวมถึงการจำลองสถานการณ์ ทั้งน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งลักษณะทางกายภาพจุดที่บอกว่านั่งดื่มกินอยู่ พบว่ามีระดับน้ำขึ้นสูง โดยทางเขาบอกว่านั่งอยู่บนหาดทราย ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง ขึ้น 14 ค่ำ ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง เพราะฉะนั้นจุดนั้นจึงมีน้ำขึ้นสูง



อีกทั้งยังมีประเด็นที่เจ้าตัวให้การว่า ถูกมอมยาจากจุดนั้น เพื่อพาตัวไปข่มขืนที่โขดหิน หรือลานหิน เป็นระยะทางเกือบ 300 เมตร โดยในวันนั้นเป็นวันที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกคู่สำคัญ เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยมีมากกว่าปกติ ประชาชนก็มีมากกว่าปกติ การที่จะอุ้มใครไปบนทะเล ที่มีพระจันทร์เต็มดวงแสงไฟส่องสว่างชัด จะเห็นภาพได้ชัดเจน ถ้ามีการอุ้มคนเดินไปจะต้องมีคนเห็นเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้สำหรับคำให้การของน้ำหวาน ที่บอกว่า เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ก็พบว่านั่งร้องไห้อยู่ที่โรงแรม เมื่อซักถามก็บอกว่าไปมีเพศสัมพันธ์กับนายมาร์ติน ซึ่งเป็นเพื่อนที่มาพร้อมกัน 1 ใน 4 คน จึงแนะนำให้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่แหม่มสาวรายนี้ก็ไม่สนใจ กลับเดินทางไปเที่ยวต่อยังฟลูมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงัน จากการสอบสวนทราบว่า นายมาร์ติน ได้เดินทางกลับมาที่โรงแรมดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งเพียงคนเดียว พร้อมทั้งบอกว่าถูกแฟนของผู้เสียหายชกต่อยมา และนายมาร์ตินได้เดินทางไปแจ้งความที่เกาะเต่า แต่ไม่ได้แจ้งความว่า ตนเองถูกทำร้ายแต่จะไปแจ้งความว่า ผู้เสียหายถูกข่มขืนโดยคนอื่น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้ เรื่องโทรศัพท์และเงินจำนวน 3,000 บาท และเอกสารที่สูญหาย


"ในส่วนของคดีจึงยุติเพียงเท่านี้ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และคำให้การสอบปากคำ ว่ามีเหตุข่มขืนมอมยาขึ้นจริง เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน อย่างไรก็ตาม ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการว่าจะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่รับเรื่องร้องทุกข์ ก็จะดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว


พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและคณะทำงานได้นำเรื่องไปรายงานความคืบหน้ากับคณะกงศุลอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการมาตลอดก่อนหน้านี้ ทราบว่า กงศุลยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งในไทยและในประเทศอังกฤษ ทางผู้เป็นแม่ก็ยังไม่ได้ให้การเพิ่มเติม และทางกงศุลจะเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุได้ ก็ต่อเมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหายก่อนเท่านั้น ทั้งนี้ ทางกงศุลอังกฤษยังได้กล่าวชื่นชมการทำงานของตำรวจไทย ที่ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยแสดงความมั่นใจและเชื่อมั่นตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ โดยทางกงศุลจะเร่งรัดในการตรวจสอบพยานต่างๆ ที่ยืนยันว่ามีการเกิดเหตุขึ้นจริง และส่งให้กับทางการไทย สำหรับตอนนี้ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานพยานหลักฐานใดๆ ที่ยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง


"ที่ผ่านมา "เกาะเต่า" เคยมีคดีที่นักท่องเที่ยวแจ้งความเท็จ เพื่อไปเอาเงินประกันที่ประเทศตนเอง และได้ถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จเอาไว้แล้ว จำนวน 3 ราย พร้อมกับถูกขึ้นแบล็คลิตและเนรเทศห้ามเข้าประเทศไทยโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หากมีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ก็พร้อมที่ดำเนินการเพื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อไป" รอง ผบช.ทท. กล่าว


พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า สำหรับคดีนี้จะมีการออกหมายจับเจ้าของเพจ 2 เพจ คือ เพจสมุยไทม์ และเพจ CSI LA ที่โพสต์ข้อความเหตุการณ์ดังกล่าว จนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศไทย ขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว โดยเพจสมุยไทม์เป็นชาวต่างชาติ ส่วนเพจ CSI LA เป็นคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ส่วนการออกหมายจับคาดว่าจะได้ภายในวันนี้ ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งคนแชร์ข้อมูลต่อกว่า 20 ราย ก็มีความผิดด้วย ก็จะออกหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูลเช่นกัน

logoline