บนสมรภูมิการเมืองไทยเป็นที่แน่ชัดแล้ว "พรรคประชาชาติ" หรือ "พรรคอูมะห์" จะมีหัวหน้าพรรคชื่อ "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" และ "พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง" อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเลขาธิการพรรค
ที่น่าระทึกใจไปมากกว่านั้นคือ "วรวีร์ มะกูดี" อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 4 สมัย จะเป็น "แม่ทัพเมืองหลวง" ให้แก่พรรคประชาชาติ
"บังยี" ไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่ และใครก็รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งประมุขลูกหนังไทยอันยาวนาน ส่วนหนึ่งก็ได้ "บารมีทางการเมือง" ค้ำยัน แต่สุดท้ายดันมา "จบ" เพราะการเมืองอีกเช่นกัน
เป้าหมายของพรรคประชาชาติในการตั้ง "บังยี" เป็นแม่ทัพเลือกตั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็หวังเก็บ "แต้มตกหล่น" จากประชากรชาวมุสลิม โดยเฉพาะเขตหนองจอก และเขตมีนบุรี
อดีตนักเตะสโมสรมุสลิมที่ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ และสโมสรฟุตบอลโรงเรียนศาสนวิทยา (ปัจจุบันคือทีมเทโร โปลิศ) ย่อมเป็นที่รู้จักมักคุ้นกับชาวมุสลิมแถวนั้นเป็นอย่างดี
ระหว่างที่บังยีเป็นนักเตะสโมสรมุสลิม ได้ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2528 จึงทำให้รู้จัก "บังมาด" หรือ "สามารถ มะลูลีม" สมาชิกสภาเขตคลองตันสมัยโน้น
ด้วยคอนเนกชั่นมุสลิม บังมาดจึงชวนบังยีเข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2543 และไม่น่าแปลกใจที่บังมาดจะได้เป็นผู้จัดการทีมชาติไทย และอุปนายกสมาคมฟุตบอลไทยในยุคบังยี เป็นประมุขลูกหนัง
เมื่อ "วิจิตร เกตุแก้ว" อดีตนายกสมาคมฟุตบอลไทย ผู้ปลุกปั้นบังยีมาแต่สมัยเป็นรองเลขาธิการสมาคมฟุตบอล ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในปี 2547 บังยีก็ตามเข้าพรรคของทักษิณเช่นกัน
ประกอบกับพรรคไทยรักไทยมี "เฮียเพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยชุดดรีมทีม เป็นใหญ่เป็นโตในพรรค จึงดึงวิจิตรและบังยีเข้ามาเสริมทัพด้านกีฬาให้ทักษิณเล่นเกม "ลูกหนังนำการเมือง"
ถ้ายังจำได้ทักษิณเคยประกาศซื้อทีมฟุตบอลฟูแลม และยังเคยมอบหมายให้ "เฮียเพ้ง" ไปเจรจาซื้อทีมฟุตบอลลเวอร์พูล แต่ทั้งสองกรณีก็เงียบหายไป (หลังรัฐประหาร 2549 ทักษิณจึงซื้อทีมแมสเชสเตอร์ ซิตี)
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ บังยีก็อยู่เป็น โดยการดึง "บังมาด" สามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาเป็นอุปนายกสมาคมฟุตบอล และมีบทบาทในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยลีก
อย่างไรก็ตามบังยียังไม่ทิ้งค่ายชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเมื่อปลายปี 2553 และก่อนหน้านั้น บังยีได้ชักชวน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ในฐานะประธานมูลนิธิไทยคม ให้ก้าวเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนังเอฟเอคัพ
ฉะนั้นในฤดูกาล 2553 รายการฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ จึงเห็นภาพยิ่งลักษณ์ไปปรากฏตัวตามสนามฟุตบอลทั่วประเทศและหลายคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าเป็นกลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์ของยิ่งลักษณ์ต่อสาธารณชน ก่อนก้าวสู่ถนนการเมืองในปีถัดมา
เมื่อยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งให้ "บังยี" วรวีร์ เป็นผู้แทนการค้าไทย และหลังรัฐประหาร 2557 กลุ่มการเมืองขั้วตรงข้ามเพื่อไทย ก็ตอกฝาโลงบังยี สิ้นอำนาจวาสนาในวงการลูกหนัง
สงครามยังไม่จบ บังยีกลับมาแล้วด้วยบทบาทนักการเมืองเต็มตัว สังกัดพรรคเครือข่ายชินวัตร..แค้นนี้สิบปีก็ไม่สาย