จากกรณีดังกล่าวนั้น กรมการขนส่งทางบกได้เสนอปรับแก้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นกฎหมายเดียว ง่ายต่อการกำกับดูแล รวมทั้งเร่งปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมาย ให้ทันสมัยและสอดคล้องพฤติกรรมขับขี่ของผู้ใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้นในยุคปัจจุบัน
พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ตามกฎหมายใหม่ ที่กรมฯนำเสนอได้มีการแก้ไขปรับเพิ่มโทษสำคัญๆ ใน 3 มาตรา ประกอบด้วย
1.มาตรา 64 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แต่กฎหมายใหม่เสนอให้ปรับเพิ่มโทษเป็น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
2.มาตร 65 ขับรถในระหว่างใบอนุญาตสิ้นอายุ ถูกพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต หรือถูกยึดใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมลงโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่กฎหมายใหม่เสนอให้เพิ่มโทษจำคุกเข้ามาด้วย คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ส่วนโทษ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
3.มาตรา 66 ขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ตามกฎหมายใหม่ เสนอให้ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
โดยร่างกฎหมายฉบับแก้ไขได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ร่างอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หากผ่าน สนช. แล้ว ตามขั้นตอนต่อไปจะต้องนำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาก่อน จะมีผลบังคับใช้เป็นทางการหลังที่ลงประกาศในราชกิจจาฯครบ 1 ปีไปแล้ว
ล่าสุด นรินทร ณ บางช้าง นักร้อง นักแสดงชื่อดัง โพสต์ ข้อความ ผ่าน Narinthorn Na Bangchang ในวันนี้ (23 ส.ค.61) โดยมีข้อความระบุว่า
จริงๆก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนกฏหมายให้แรงขึ้นนะคะ แต่ต้องปฏิบัติได้จริงโดยไม่มีช่องโหว่ให้รีดไถ และที่สำคัญ ตำรวจจราจรเองก็ต้องเจอของจริงด้วยเหมือนกัน ต้องโดนหนักกว่าประชาชนด้วยซ้ำ เพราะถือเป็นผู้รักษากฏหมายที่ทำผิดกฏหมายซะเอง สำหรับเราว่า น่าจะโดนปรับหนักกว่าประชาชน และต้องโดนออกจากราชการด้วย อยากเอาผิดให้ประชาชาชนที่ทำผิดหลาบจำ ตำรวจเองก็ต้องเจอกฏที่ต้องหลาบจำเช่นกันค่ะ
จากนั้น ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติม โดยมีข้อความระบุอีกว่า
ข้าราชการไทย คือข้าของแผ่นดิน แต่ทำไมเวลาทำผิด จึงรับโทษน้อยมาก ทั้งๆที่สิ่งที่ทำมันเลวร้ายมาก ทั้งโกงเงินแผ่นดิน ข่มขืน ค้ายา มาเฟีย รีดไถประชาชน ฯลฯ แต่โทษมันช่างน้อยนิด แค่ย้ายให้พวกมันไปทำเรื่องเหล่านี้ในที่ใหม่ มันใช่เหรอ แทนที่จะได้รับโทษหนักกว่าประชาชน ควรติดคุก และต้องให้ออกจากราชการด้วย แต่เปล่าเลย แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ประชาชนจะอยู่อย่างสบายใจได้คะ