คอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นและกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยและเมื่อเดินทางมาถึง ไมเคิลได้แต่งตัวแปลก ๆ เมื่อลงจากเครื่องบินส่วนตัวด้วยผ้าปิดหน้า อีกทั้งต้องใช้ไฟฟ้าเและอุปกรณ์จัดแสดงเป็นจำนวนมาก และราคาบัตรที่เข้าชมก็นับว่าแพงมากด้วย คือ 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท (บัตรคอนเสิร์ตมีสีแบ่งตามราคา ได้แก่ สีทอง, สีเงิน และสีทองแดง) โดยคอนเสิร์ตวันแรกจบลงด้วยดี
แต่ในวันที่ 25 สิงหาคม ไมเคิล แจ้งว่าป่วย ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 26 สิงหาคม แต่เมื่อมาถึงก็ขอเลื่อนไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่แฟน ๆ จนเกิดเป็นจลาจลย่อย ๆ หน้าสนาม ซึ่งต้องใช้เทปเสียงของเจ้าตัวมาเปิดยืนยันว่าป่วยจริง ๆ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม อีกที คราวนี้เมื่อถึงวันที่ 27 สิงหาคมจริง ๆ ก็สามารถจัดการแสดงได้และจบลงด้วยดี ซึ่งปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของนักร้องชาวต่างประเทศระดับโลกครั้งแรกของไทย
ต่อมาก็ได้มีศิลปิน นักร้องต่างประเทศทยอยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยเรื่อย ๆ ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว ไมเคิลก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น โดยมีสุลต่านบรูไนเป็นผู้จัดและเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี สำหรับทัวร์คอนเสิร์ตนี้ ไมเคิล แจ็กสัน ได้บริจาคผลกำไรทั้งหมดจากการแสดงจำนวน 70 รอบ รวมถึงในประเทศไทย ให้แก่มูลนิธิการกุศลต่างๆ รวมทั้งมูลนิธี "ฮีลเดอะเวิลด์" ที่เขาตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ประสบภัยสงครามและโรคร้ายทั่วโลก เขายังได้บริจาคเงิน 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่มูลนิธิกองทุนการศึกษาและพัฒนาเยาวชนเพื่อสนับสนันโครงการอาหารกลางวันเด็กในชนบทอีกด้วย