เอื้อประโยน์โครงการเพื่อการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2562 ต่อคนใกล้ชิด เนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังาน
ตามที่สำนักข่าว อิศรา ได้นำเสนอข่าว ความโปร่งใส เรื่องการประกาศการเปิดรับสมัครโครงการเพื่อการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.30 นั้น
ในเรื่องการเอื้อประโยชน์คนวง ใน เจ้าเดิม ที่มีข้อสังเกตว่า ออกประกาศเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2561 และให้ยื่นข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2561ถึงวันที่ 1 ส.ค. 2561 นั้น หลังจากได้ออกข่าวไปแล้ว
ทำให้มีผลกระทบต่อคนที่ทำงานไม่สุจริต จึงได้ออกประกาศขยายเวลาปิดรับสมัครไปถึง วันที่ 10 สิงหาคม 2561
ซึ่งตามข้อเท็จจริงนั้นการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561เวลา 13.30 น นั้นตามวาระที่ประชุมเป็นการประชุมเรื่องงบประมาณกองทุนประจำปี 2561 (เพิ่มเติม) ในวงเงิน 5,200 ล้านบาทภายใต้กลุ่มโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งในวาระการประชุมไม้ได้มีเรื่องการดำเนินการงบประมาณ 2562 เนื่องจากวงเงินที่ 10,448ล้านบาท เมื่อประธานที่ประชุม ได้เสนอปิดวาระประชุม
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้ขอเปิดประเด็นได้ขอเสนอให้พิจาณาการดำเนินการงบประมาณประจำปี2562 โดยเสนอว่าจะขอให้นายธนธัช จังพานิช ผู้จัดการสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมอบอำนาจให้นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงพลังงานดำเนินการแทน สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานใช้เงินงบประมาณ62 เพื่อเลี่ยงการผิดกฎหมาย ว่าด้วยเรื่องการบริหารเงินกองทุน จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบ และได้ปิดประชุม
และใช้เหตุผลว่าสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ไม่มีความพร้อม โดยข้อเท็จจริงสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมีความพร้อมในการดำเนินการ เพราะได้จัดตั้งตั้งแต่ปี2560
ซึ่งยังไม่ได้มีมติที่ประชุม และปิดประชุมโดยทันที และการใช้วงเงินงบประมาณต้องมีการพิจารณาที่รอบคอบ ซึ่งนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพยามที่จะเอาวาระการใช้งบประมาณ เข้ามาได้วาระประชุม แต่ทางอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนไม่ได้ให้ใส่ในวาระทีประชุม เพราะต้องดำเนินการ งบประมาณปี 2561ให้แล้วเสร็จก่อน แต่เมือประชุมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2561นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้ทำหนังสือให้นายธนธัช จังพานิช ผู้จัดการสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต้องลงนามประกาศ ซึ่งเป็นการส่อเจตนา และบังคับให้ นายธนธัช จังพานิช ผู้จัดการสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต้องเพราะตามระเบียบว่าด้วยการบริหารเงินกองทุนเพื่อการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2560 ตามคำสั่ง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง
ให้คณะอนุกรรมการ มีการดำเนินพิจารณาการดำเนินงานการใช้งบประมาณ การดินการ ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ไม่ใช้หน้าที่ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานอีกต่อไป
ตั้งแต่ปี 2561 การบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ต้องดำเนินการโดยสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเท่านั้น
เนื่องจากปีงบประมาณ 2562 มีงบประมาณถึง 10,448 ล้านบาททำให้นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานต้องการไปดำเนินการเอง เหมือนเดิม ซึงตามกรอบยุทธ์ศาสตร์ชาติ ได้พยามทำให้เกิดความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล จึงได้ให้จัดตั้งสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้มาดำเนินการแทน แต่เมื่อดำเนินการแล้ว ผู้มีผลประโยชน์ ได้พยามบิดเบือนการทำงาน และพยามแสวงหาผมประโยชน์เหมือนเดิม
ในการดำเนินการของบประมาณปี2562 โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ผ่านระบบ อิเล็กโทนิกนั้น มีการล็อกสเป็กการขอโครงการ เพราะการยื่นโครงการในปีกนี้ต้องยื่นผ่านระบบอิเล็กโทนิก ประเด็นแรก ประกาศแบบฟอร์มในการยื่นขอเป็นผู้ดูแลระบบ และผู้จัดการโครงการ มีการเปลี่ยนแปลงแบบฟอร์มตลอดเวลา แบบฟอร์มด้านในคำขอครั้งที่1 ใช้งบประมาณ61 เมื่อหน่วยงานส่งเอกสาเข้าไป จะมีการแจ้งว่าเอกสารผิด หลังจากนั้นถึงมาเปลี่ยนเป็นฟอร์มเอกสาร 62 และระบบนี้เริ่มดำเนินการใช้ได้จริงในวันที่ 20 กรกฎาคม 2561ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้น ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานที่ยื่น หน่วยงานที่อยู่ต่างจังหวัดจะประสพปัญหาในการลงระบบ ที่สำคัญในกาลงระบบผ่านทางinternet ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ระบบจะปิดเวลา 16.30 น. ซึ่ระบบนี้จะเหมือนการขอโครงการของหน่วยงานคณะกกรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ) แต่ทางกกพ สามารถยื่นได้ 24 ชั่วโมง และการขอ Username และ Password สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ
ประเด็นที่ 1
แต่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ต้องยื่นเอกสารให้พิจารณาก่อน แต่ดำเนินการภาตใต้กรอบของสำนักบริการเงินกองทุน เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย และใช้เวลาพิจารณา4-5 วันทำการ
ที่สำคัญ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานให้บริษัทเอกชนEnergy link เป็นผู้พิจารณาเอกสาร โดยมานั่งทำงานแทนเจ้าหน้าที่ของรัฐ เบอร์ที่โทรเข้าไปประสานใช้เบอร์ของ02-612-1555 ต่อ 203-205
เมื่อโทรไปติดตามเอกสาร เจ้าหน้าที่บริษัทจะใช้วาจาข่มขู่ ไม่ได้แนะนำ จะพูดว่าก็ไม่ต้องของบประมาณ หรือ บอกว่าทำไม่รีบยื่น แต่จะทำให้เฉพาะคนที่ใกล้ชิด ทั้งนี้ว่าด้วยระเบียบการปฏิบัติราชการ บริษัทเอกชนไม่สามารถใช้ทรัพย์สิน หรือ เอื้อประโยชน์ จากทรัพย์สินจากทางราชการได้ ผิดระเบียบ ปปช และ สตง
ประเด็นที่ 2 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ยังไม่มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการใช้เงิน แต่จะใช้การออกประกาศของสำนักบริหารเงินกองทุน เพื่อให้ถูกตองเท่านั้น เพราะสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ก็ขอใช้เงินจากกองทุนปี2562 ไม่น้อยกว่า5,000 ล้านบาท เป็นผู้ขอและอนุมัติเอง ซึ่งแสดงเห็นการทุจริตอย่างชัดเจน แต่ใช้ช่องว่างของระเบียบดำเนินการ โดยพยามบังคับให้สำนักงานบริหารกองทุนเป็นผู้ดำเนินการ แต่โดยข้อเท็จจริง การทำเรื่องต่างทำโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รองนายกรัฐมนตรี พลอ.อ.ประจินจั่นตอง ได้เรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน และ นายธนธัช จังพานิช ผู้จัดการสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เข้าพบ และได้สั่งการให้ย้ายสำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จากตึกสำนักงานนโยบายและแผน มาที่ ตึกกระทรวงพลังงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2562
ความไม่โปร่งใสในการใช้เงินงบประมาณ ปี2562 ยังมีอีกมาก นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน ได้ใช้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ โยกเฉพาะ บริษัท Energy link และยังได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนมา พิจารณาโครงการ การเบิกจ่าย อ้างว่าบริษัทเอกชนเป็นที่ปรึกษา ของสำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมทำไมไม่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐ ในการดำเนินการ
ที่มา สนพ Energy link