นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เสียหายกลุ่มนี้ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี 2561 ก็เคยมาขอความเป็นธรรม แต่เรื่องยังไม่คืบ พวกเขาเดือดร้อนจากการถูกโกงเงินค่ามัดจำ และค่าผ่อนดาวน์บ้านโครงการบ้านพร้อมจิตร ในซอยวัดพระเงิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮาส์ และอาคารพาณิชย์ ราคาตั้งแต่ 8 แสนบาท ไปจนถึงเกือบ 2 ล้านบาท
กลุ่มผู้เสียหายมีหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่คนทำงานหาเช้ากินค่ำ แม่บ้าน คนงานรับจ้าง ค้าขาย ไปจนถึงนักธุรกิจ ครูอาจารย์ ข้าราชการต่างๆ และแพทย์ ส่วนความเสียหายก็มีตั้งแต่หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านบาท
'ศุภกร วิรัตินันท์' ข้าราชการครูโรงเรียนหอวัง เป็นผู้เสียหายอีกหนึ่งคน ที่ตัดสินใจซื้อบ้านโครงการพร้อมจิตร เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่น่าเชื่อถือ เพราะกรมสามัญ กระทรวงศึกษาธิการช่วยโปรโมทให้ และมีส่วนลดพิเศษให้กับข้าราชการครู แต่หลังจากจ่ายเงินค่าผ่อนดาวน์ไปกว่า 1 เเสนบาท บริษัทกลับไม่โอนบ้านให้ จนมาทราบภายหลังว่าถูกโกง
หลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอก กลุ่มผู้เสียหายเคยรวมตัวกันไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่สคบ. ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงยุติธรรม และแจ้งความไว้กับตำรวจท้องที่ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปี จนคดีหมดอายุความ ทำให้ผู้เสียหายแทบจะสิ้นหวังไปแล้ว
แต่ทันทีที่ได้ยินนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ว่า นับจากนี้คดีฉ้อโกง จะไม่มีวันหมดอายุความ ประกอบกับคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งหมายรวมถึงความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ให้เจ้าพนักงานรับเรื่องไว้ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด ทำให้พวกเขากลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง