วันที่ 7 สิงหาคม 2561 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ นายศิริชัย สุวรรณแสบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ, นายเรืองสิทธิ์ อนุชิตวงษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว, นายเมธี สุพรรณฝ่าย - นายสันติธร ยิ้มละมัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษทั้งสองท่าน แขกผู้มีเกียรติ สภาทนายความจังหวัดศรีสะเกษ ทนายความ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกับประกอบพิธีเนื่องในวันรพี โดยในวันที่ 7 เดือนสิงหาคม ของทุกปี เป็นวันรพี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งบรรดานักนิติศาสตร์ทั้งมวล ได้เทิดทูลพระองค์เป็น พระบิดาแห่งกฎหมายไทย และได้ร่วมกำหนดให้วันนี้เป็น วันรพี
โดย นายศิริชัย สุวรรณแสบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวสดุดีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองศ์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระโอรส องศ์ที่ 14 ในสมเด็จพระปิยะมหาราช รัชกาลที่ 5 แห่งพระราชจักรีวงศ์ ซึ่งประสูติแด่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อทรงพระเยาว์ ได้ทรงเสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ในวิชากฎหมาย ที่สำนักไครสต์เชิร์ช มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ในระดับปริญญาตรี สอบไล่ได้เกียรตินิยมทางกฎหมาย ขณะที่พระชนม์มายุได้เพียง 20 พรรษา พระองค์ได้ศึกษาต่อวิชากฎหมาย จนได้ขั้นเนติบัณฑิต
จากนั้นได้เสด็จกลับประเทศไทย และได้ก่อตั้ง โรงเรียนกฎหมาย เปิดสอนวิชากฎหมายเป็นแห่งแรก ยังสถานที่กระทรวงยุติธรรม เป็นที่สถานที่สอน พร้อมรวมรวบตำราด้านกฎหมาย วางรากฐานของกฎหมายไทย จึงนับว่าพระองศ์เป็นบิดาของนักกฎหมายของไทย ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2463 นับถึงปัจจุบัน ล่วงพ้นมาแล้ว 98 ปี วันนี้จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้จัดพิธีเนื่องในวันรพี ขึ้นมีการทำบุญเลี้ยงพระ ถวายพวงมาลา และกิจกรรมอื่นๆ อันเป็นกุศลตลอดวัน
ด้านนายศิริชัย สุวรรณแสบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดเผยว่า ภาระหน้าที่ของศาล และนักกฎหมาย มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย อย่างเช่นช่วงนี้ กองเงินทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ซึ่งผิดนัดต่อศาลแล้ว และหากท่านใดได้รับหนังสือทั้งในฐานะผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกัน ท่านก็สามารถที่จะมาติอต่อสอบถามข้อมูลได้ ซึ่งตอนนี้ศาลเรามีแนวทางในการช่วยเหลือก็คือ การให้คำแนะนำแก่คู่ความในการมาเจรจาตกลงกันไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งท่านจะได้รับประโยชน์ก็คือ ท่านจะได้สิทธิ์ในการชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1.บาทต่อปี โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่หากท่านใดไม่มา ท่านจะต้องแบกภาระชำระดอกเบี้ยค่าปรับ อัตราร้อยละ 7.50 บาทต่อปี และจะต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเองทั้งหมด
ดังนั้นจึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านที่ได้รับจดหมายจากศาล เข้ามาเจรจาตกลงกันเพื่อท่านจะได้รบผลประโยชน์ตรงนี้ และภายหลังที่เจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันแล้ว ในระหว่างผ่อนชำระตามข้อตกลง กระบวนการในการบังคับคดีก็จะยังไม่เกิดขึ้น สามารถผ่อนชำระไปได้กว่า 9 เดือน แต่หากท่านไม่มา ศาลจำเป็นจะต้องพิจารณาบังคับคดีให้ท่านต้องชำระหนี้คืน กยศ.ภายในระยเวลา 1 เดือน จึงอยากเรียนเชิญทุกคน