สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยวันนี้ว่า มีผู้ประสบภัยราว 20,000 คนไร้ที่อยู่อาศัยและต้องอพยพออกจากพื้นที่เสียหายทั่วเกาะลอมบอก หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 แมกนิจูดเมื่อเย็นวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 98 รายและผู้บาดเจ็บอีกกว่า 200 ราย แต่ตัวเลขอาจสูงขึ้นอีก เพราะมีอาคารบ้านเรือนเสียหายหลายพันหลัง ขณะที่ทีมค้นหากู้ภัยยังไม่สามารถเข้าไปถึงทุกจุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด เพราะถนนถูกตัดขาด และยังมีปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์หนักเพื่อเคลียร์เศษซากความเสียหายและค้นหาผู้รอดชีวิต ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดอยู่ในเขตลอมบอกเหนือ ลอมบอกตะวันออก และเมืองมาตาราม
นอกจากนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวอินโดนีเซียราว 2,700 คนได้รับการอพยพออกจากเกาะ กิลิ ตราวันกัน, กิลิ เมโน และกิลิ แอร์ ที่เป็นแหล่งตากอากาศยอดนิยมห่างจากเกาะลอมบอกไม่กี่กิโลเมตร เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า โรงแรมหลายแห่งได้รับความเสียหาย นักท่องเที่ยวจึงอยากอพยพออกจากเกาะ และประธานาธิบดีโจโกวิโดโด ย้ำให้เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและบริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุด
ทางการอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ได้ประกาศเตือนภัยการเดินทางให้หลีกเลี่ยงไปยังเกาะลอมบอกในระยะนี้ แต่อินโดนีเซียยังไม่มีคำแนะนำให้นักท่องเที่ยวออกจากเกาะลอมบอกแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่บอกด้วยว่า เกาะทั้ง 3 เกาะยังปลอดภัย และจะยังไม่น่าจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ตามมาในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลต่อภูเขาไฟรินจานีบนเกาะลอมบอกและภูเขาไฟอากุงบนเกาะบาหลี
และเนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการอพยพออกจากลอมบอก สนามบินลอมบอกจึงเพิ่มเที่ยวบิน และจะให้บริการตลอด 24 ชม.ตั้งแต่วันนี้เป็นการชั่วคราว
แผ่นดินไหวบนเกาะลอมบอกครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังแผ่นดินไหวขนาด 6.4บนเกาะแห่งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 รายและผู้บาดเจ็บกว่า 400 คน และเจ้าหน้าที่ประเมินเบื้องต้นว่า แผ่นดินไหวทั้งสองครั้งสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆอาจเกินกว่า 1 ล้านล้านรูเปียห์ หรือกว่า 3,110 ล้านบาท