ปักธงแดง! รับมือน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน
"ปักธงแดงรับมือน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน" ดีเดย์พรุ่งนี้ระบาย 300 ลบ.ม.ต่อวินาที ชี้ลุ่มน้ำเพชรสูงขึ้น 2-4.51 เมตร ระบุเที่ยงวันจันทร์ น้ำถึงตัวเมืองเพชรท่วมเท่าปี 60
ที่เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) เปิดเผยภายหลังใช้ฮอลิคอร์เตอร์บินสำรวจสถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจาน สถานการณ์ลุ่มน้ำเพชรบุรี และร่วมประชุมผู้ว่าราชการและหน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือน้ำล้นจากเขื่อนเปิดเผยว่าจากอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเขื่อนแก่งกระจานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่า 1 วันปริมาณน้ำขึ้นมามากถึง 150 ล้านลบ.ม.และคาดว่าวันที่5 ส.ค.จะมีน้ำเต็มระดับเก็บกัก 100% ของความจุเขื่อน 710 ล้านลบ.ม.
โดยล่าสุดสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีปริมาณน้ำ 690 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 97% คงเหลือพื้นที่รับน้ำอีกประมาณ 40 เซนติเมตร แนวโน้มจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้น ในวันอาทิตย์ที่ 5 ส.ค. ลงแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งมาตรการระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน คือ การระบายทางช่องทางระบายน้ำในลำน้ำเดิมวันละ 8.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และติดตั้งกาลักน้ำ 12 แถวระบายได้ 0.5 ล้าน ลบ.ม./วัน และ เพิ่มเครื่องสูบน้ำ Hydro Flow อีก 20 เครื่อง ระบายน้ำได้ 2.6 ล้าน ลบ.ม./วัน รวม 2 ส่วนระบายน้ำได้ 3.1 ล้าน ลบ.ม./วัน นอกจากนี้ ยังมี Spillway เมื่อน้ำถึงระดับเก็บกักสูงสุด สามารถระบายได้อีก โดยไม่กระทบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน
สำหรับมาตรการรับมือผลกระทบ ผู้ว่าราชการจ.เพชรบุรี แจ้งประกาศให้ประชาชนอยู่ท้ายน้ำรับมือสถานการณ์เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน จาก 100 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 300 ลบ.ม.ต่อวินาที ซี่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ อ. ท่ายาง อ.แก่งกระจาน อ.บ้านลาด อ.เมืองเพชรบุรี อ.บ้านแหลม จากการระบายนำออกจากเขื่อนแก่งกระจาน ทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อน จนถึงปลายแม่น้ำเพชรบุรี หากมีการระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ตั้งแต่บริเวณด้านท้ายอาคารระบายน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจานจนถึงเขื่อนเพชร พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบอาจจะทำให้มีระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2.87-4.51 เมตร ขณะที่พื้นที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนเพชร ตั้งแต่บริเวณเขื่อนเพชร จนถึงปลายแม่น้ำเพชรบุรีจากตั้งแต่ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีลงมา โดยพื้นที่ พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองท่าแร้ง ต.ท่าแร้ง ต.ท่าแร้งออก ต.บ้านแหลม ต.บางขุนไทร อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
"ปริมาณน้ำที่ล้นจะประมาณ 300 ลบ.ม./วินาที การไหลของน้ำจะไป 2 ทาง คือ ลงเขื่อนเพชร ในอัตรา 50 ลบ.ม/วินาที กับลงแม่น้ำเพชร 150 ลบ.ม./วินาที ได้ให้จังหวัดเพชรบุรีเตรียมประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอที่จะได้รับผลกระทบยกของขึ้นที่สูง โดยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เตรียมเคลื่อนย้ายอุปกรณ์กู้ภัยไปยังศูนย์อำนวยการภัยพิบัติ ที่ศาลากลาง จังหวัดตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 5 ส.ค. หลังทางผู้ว่าราชการจ.เพชรบุรี พร้อมหน่วยเกี่ยวข้องซักซ้อมแผนปฏิบัติการตั้งแต่ 15 กค.61 มีหน่วยทหาร ชลประทาน ปภ. สาธารณสุข เส้นทางสัญจรคมนาคม ที่ได้ผลกระทบ ซึ่งปริมาณน้ำท่วมตัวเมืองเพชรบุรี ใกล้เคียงปี 60 ในระดับ 50 ซม.ท่วมนาน 1 เดือนเศษ โดยวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.ช่วงเที่ยง ปริมาณน้ำเข้าถึงตัวเมือง"นายสมเกียรติ กล่าว
เลขาสทนช.กล่าวว่าได้มาติดตาม 2 ประเด็นในวันนี้สถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน ยังขึ้นชั่วโมงละ 2 ซม.อีกประมาณ 20 ชม.ปริมาณน้ำในเขื่อนจะปริ่มๆระดับเก็บกัก จากฝนตกตอนบนมาก และปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจะไม่น้อยไปกว่านี้ ในวันนี้จึงประชุมกับผู้ว่าฯและทุกหน่วย เตรียมประกาศให้ประชาชนรับมือดีเดย์ช่วงพรุ่งนี้เที่ยง(5 ส.ค.) น้ำไหลข้ามสันสปริงเวย์ 300 ลบ.ม.ต่อวินาที ตอนนี้ 100 ลบ.ม.ต่อวินาที จะเพิ่มจากนี้ 3 เท่า ระดับน้ำสูง 3 เมตรกว่า ๆ ไหลไปเขื่อนเพชร ระยะทาง 60 กม.ใช้เวลา10 ชม.ลงเส้นทางระบบชลประทาน และสู่ อ.เมืองเพชรบุรี
"วันนี้เริ่มระบายน้ำจากเขื่อนเพชร ไปก่อนเพื่อรองรับน้ำใหม่ พร้อมหารือว่าหากน้ำมามากกว่านี้ ต้องกำหนดจุดเปิดคันกั้นน้ำสองข้างตลิ่ง เพื่อลดระดับลงมา โดยเปิดทางน้ำระบายออกไปทางน้ำเลี่ยงเมืองขุดใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ให้กรมชลประทาน เปิดใช้ก่อน ซึ่งผู้ว่าฯจะประกาศพรุ่งนี้ รับน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน เพราะมีน้ำระดับสูงขึ้นตอนนี้ ได้ประเมินสถานการณ์ตัวเขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนเพชร ส่งผลท่วมเขตเมือง เหมือนปีที่แล้วปล่อยน้ำจากเขื่อนแม่ประจันต์ จากนี้ไปมีผลกระทบ ประมาณ 1 เดือนกว่า ผลกระทบสถานการณ์น้ำท่วมใกล้เคียงปี 60 ในพื้นที่หลังเขื่อนเพชร ระดับ 50 ซม.ซึ่งวันจันทร์นี้ มีน้ำไหลเข้าเมืองเพชร ผู้ว่าฯนายอำภเอ เทศบาล ต้องปักธงแดงให้ทุกหน่วยเริ่มเข้าสู่ประจำที่เริ่มปฎิบัติงานแก้ไขภาวะวิกฤติ"นายสมเกียรติ กล่าว
ได้ประเมินแผนปฏิบัติการรับมือสภาพอากาศและสถานการณ์ฝนช่วงวันที่ 4 8 ส.ค.2561 ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นบริเวณชายขอบประเทศภาคตะวันตก และ ภาคอีสาน พื้นที่แนวแม่น้ำโขง เนื่องจากเป็นแนวปะทะของฝน โดยจะตกมากในภาคตะวันตก และมีน้ำไหลเข้าเขื่อน 4 เขื่อนมากขึ้น คือ ศรีนครินทร์ วชิราลงกรณ แก่งกระจาน และ ปราณบุรี ดังนั้น จึงต้องมีการหารือและเตรียมการในระดับพื้นที่เพื่อซักซ้อมแผนการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี