ฟังดูก็เข้าเค้า เพราะเขื่อนใหญ่นั้นระบบวิศวกรรมน่าจะดีพอ มีระบบระบายหากน้ำเต็ม ผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง แต่เขื่อนขนาดกลางและเล็กนี่สิ ถ้ายังจำกันได้เมื่อปีที่แล้ว "อ่างเก็บน้ำห้วยทราย" ที่ จ.สกลนคร ก็เพิ่งแตกสร้างความเสียหายยับเยิน
ถึงนาทีนี้คงต้องเร่งสำรวจ เร่งดูแลแต่คำถามหลักอยู่ที่ว่า "เจ้าของ" มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญขนาดไหน
แล้วเมื่อย้อนกลับมาดูการจัดการบริหารจัดการน้ำระดับมหภาคยิ่งดูน่าห่วง เพราะแม้เขื่อนไม่แตกแต่หากเร่งระบายพร้อมๆกันก็น่าหนักใจไม่น้อย * เสียงชามเกาเหลาดังมาแต่ไกล เมื่อมีข่าวว่า "บิ๊กฉัตร"ฉัตรชัย สาริกัลยะ รายงานสถานการณ์น้ำให้ ครม. ฟังว่าน่าห่วงยิ่งนัก เพราะน้ำเขื่อนวันนี้มากกว่าปี 2554 เสียอีก
ครั้งไปเปิดข้อมูลดูก็พบว่าเป็นเรื่องจริง เพราะน้ำเขื่อนทั่วประเทศวันนี้มี 68% มากกว่าปี 2554 ที่มี 64% ที่สำคัญจากข้อมูลสมัยใหม่ระบุว่ายังเหลืออีก 90 กว่าวันถึงจะหมดฤดูฝน แปลว่าต้องผจญความเสี่ยงอีก 3 เดือน
มาวันนี้ หลายเขื่อนแม้น้ำยังไม่เต็มแต่ก็เรียกว่าปริ่ม และต้องเร่งระบายเต็มสูบ บางแห่งมีน้ำเกิน 90% หลายแห่งเกิน 80%
แต่มีการระบุว่าบางหน่วยไม่ยอมพร่องน้ำรอทำให้สถานการณ์เฉียดวิกฤติ ซึ่งหน่วยงานที่ว่าก็อยู่ในมีของเสนาบดีขาใหญ่อีกคน จึงไม่มีใครกล้าแตะ เรื่องน้ำจึงวนมาที่เรื่องการเมือง
เอาเป็นว่าวันนี้ต้องเชียร์ให้รีบจัดการน้ำให้ได้เสียก่อน เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ควรไปอยู่บนชามเกาเหลาของใคร และหากแก้ไม่ได้ประชาชนประสบภัยขึ้นมาเมื่อนั้นแหละรัฐบาลเดือดร้อนแน่ จะไปโทษรัฐบาลก่อนก็ไม่ได้แล้ว แผนใหญ่ที่วางไว้ก็ย่อมจะถูกกระแสน้ำพัดให้หายวับไปกับตา
------------------------------
โดย : กรรณะ