เห็นได้จากโครงการพระราชดำริต่างๆ กว่า 4,000 โครงการ ภายใต้หลักความพอเพียง ทั้งการแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การศึกษา การพระศาสนา การสังคมวัฒนธรรม การคมนาคม ตลอดจนการเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรในชนบท ทั้งยังทรงขจัดปัญหาทุกข์ยากของประชาชนในชุมชนเมือง เช่น ทรงแก้ปัญหาการจราจร อุทกภัย และปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย ฯลฯ
และไม่ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 จะทรงงานหนักเพียงใด ในฐานะ "ทูลกระหม่อมพ่อ" ของพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ ทรงมอบความรักความอบอุ่นอย่างใกล้ชิด ทรงอบรมสั่งสอนให้ทรงรู้จักหน้าที่ของตน อีกทั้งยังทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถึงภาระหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ที่จักต้องดูแลพสกนิกรใต้เบื้องพระยุคลบาท โดยเฉพาะ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ซึ่งทรงเป็นองค์รัชทายาท ดังจะเห็นได้จากภาพข่าว หลายครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งพระราชโอรสและพระราชธิดา โดยเสด็จอย่างพร้อมเพรียงด้วย
มีการบันทึกไว้ในหนังสือ "สี่เจ้าฟ้า" ฉบับเรียบเรียงใหม่โดย ลาวัณย์ โชตามระ ไว้ว่า ในขณะทรงพระเยาว์ ทุกวันทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าชายจะตื่นบรรทมแต่เช้า เวลาประมาณ 07.00 น. เมื่อเสร็จธุระส่วนพระองค์แล้ว จะเสด็จลงเพื่อออกกำลังกลางแจ้ง เช่นเดียวกับเด็กธรรมดาทั่วไป มีวิ่งเล่นเอาเถิดบ้าง ซ่อนหาบ้าง ในส่วนของการอบรมเลี้ยงดูพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวนั้น เมื่อทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าชายเสด็จกลับจากโรงเรียนแล้ว ก่อนจะเสด็จเข้าบรรทมตอนหัวค่ำ พระองค์จะต้องเข้าเฝ้าฯ ทูลกระหม่อมพ่อ และทูลกระหม่อมแม่ เพื่อรับพระบรมราโชวาท และทรงสวดมนต์ก่อน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ในหลวงรัชกาลที่ 10" ทรงเคยเล่าไว้ในโอกาสต่างๆ ดังพระราชดำรัสสั้นๆ แต่ชัดเจนของพระองค์เมื่อครั้งยังทรงพระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่หน้ากุฏิสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2508 ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือเทิดพระเกียรติ "ในหลวงของเรา" จัดทำโดย อัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ คงพอจะเปิดเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเบื้องลึกในพระราชหฤทัยที่พระราชโอรสองค์นี้มีต่อทูลกระหม่อมพ่อ
"ข้าพเจ้าก็เป็นข้าพระบาทคนหนึ่งของพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่ต้องเคารพบูชาพระองค์เช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งสุดจะพรรณนา ก็ตอบได้แต่เพียงเท่านี้" หรืออย่างเมื่อครั้งตามเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถและพระราชชนนี เยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ทุรกันดาร แร้นแค้น พระองค์ทรงได้รับพระราชทานคำสอน ดังได้บันทึกไว้ในหนังสือ "50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ" เขียนโดย จิราภา อ่อนเรือง นักข่าวหนังสือพิมพ์อาวุโส ความตอนหนึ่งว่า
"ยังทรงจำได้ดีว่า ทูลหม่อมพ่อและสมเด็จแม่มักจะพระราชทานคำสั่งสอนอยู่เสมอว่า ความสุขของพระองค์ท่านทั้งสองนั้นจะไม่มีสิ่งใดยิ่งไปกว่าการที่ได้ทรงเห็นพระราชโอรส พระราชธิดา มีความผูกพันรักใคร่กัน ช่วยเหลือกันและเป็นกำลังสำคัญของพระราชวงศ์ในการที่จะรับใช้บ้านเมือง"
ดังนั้น ขณะทรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมักจะโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในงานต่างๆ ทั้งงานที่ไม่ใช่งานพระราชพิธีโดยตรง เช่น การแข่งขันกีฬา การเปิดการแสดงต่างๆ ทรงสั่งสมพระประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านเมืองและราษฎร เมื่อทรงพระเจริญวัยได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ ทั้งพระราชกรณียกิจด้านกิจการทหารและตำรวจ พระราชกรณียกิจด้านการศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีในวาระสำคัญของชาติ อาทิ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นพระราชพิธีสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรประจำทุกปี โดยมีพระราชประสงค์ที่จะดำรงรักษาความผูกพันระหว่างสถาบันกษัตริย์และเกษตรกรตามรอยพระราชบุพการี
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายทศวรรษ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนด้วยพระวิริยอุตสาหะ ทรงยึดมั่นในพระสัจจะวาจาที่ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของชาวไทย
"พระองค์ท่านทรงเป็นตัวอย่างอันประเสริฐ แล้วเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องรับใช้พระองค์ท่านตามความสามารถของเรา อาจจะเป็น silly answer ของเรา เราก็มีความจงรักภักดีใต้เบื้องพระยุคลบาท แล้วก็ยึดพระองค์เป็นหลักชัย แล้วก็ถวายการรับใช้สุดความสามารถของเรา เวลาตามเสด็จก็ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ท่านปฏิบัติ หรือได้เห็นพระราชกรณียกิจ หรือพระราชจริยวัตร ตลอดจนได้ทราบพระราชปณิธานอันแรงกล้าของล้นเกล้าฯ ทั้ง 2 พระองค์ ในเรื่องของความห่วงใยประชาราษฎร์ หรือในความใกล้ชิดหรือความผูกพันที่พระองค์มีต่อพสกนิกรของท่าน อันนี้ข้าพเจ้าก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่รับใช้สนองพระเดชพระคุณอยู่ก็พยายามเท่าที่ความสามารถจะมีอยู่ที่จะสนองพระราชปณิธานเท่าที่กำลังสติปัญญาจะทำให้ได้" ความบางช่วงบางตอนที่ได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่นิตยสารดิฉัน สะท้อนชัดเจนว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแน่วแน่ในคำสอนและแบบอย่างที่ดีจากพระบรมราชชนกและทรงยึดเป็นหลักชัยเสมอมา.
ที่มา :http://www.komchadluek.net/news/regional/304604