"ความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่มีพรรคเพื่อไทยไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบและเอาผิด เป็นสิทธิที่พรรคเพื่อไทยสามารถทำได้ แต่กรณีที่นำมาโยงกันนั้น ผมคิดว่าคงไม่เกี่ยวข้องกัน และผมกับกลุ่มสามมิตรก็ไม่เกี่ยวกัน และยังไม่เคยคุยกับเขา แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะรังเกียจหรือต่อต้าน เพราะเหตุผลสำคัญที่เราจัดตั้งพรรคการเมือง นอกจากมีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิรูปการเมือง พัฒนาบ้านเมืองแล้ว คือ การสร้างพรรคการเมืองให้เป็นของคนไทยทุกคน" นายชวน กล่าว
นายชวน ยังกล่าวปฏิเสธถึงความรู้จักกับนายสุริยะ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร และที่ผ่านมาทั้ง 2 คนนั้น ไม่เคยแสดงตนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มหรือพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นที่หลายฝ่ายตั้งประเด็นเป็นข้อสังเกต และมีฝ่ายการเมืองนำไปโจมตี เพื่อดิสเครดิตพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะจะทำให้กลายเป็นเกมการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์
"ตนมองว่าในทางการเมือง การย้ายพรรค หรือการย้ายข้างการสนับสนุน เป็นเรื่องปกติทางการเมือง และกรณีที่โจมตีว่ามีพลังดูดผ่านการใช้เงิน ใช้ตำแหน่งจูงใจนั้น เป็นเพียงคำพูดที่ใส่ร้ายป้ายสีเท่านั้น เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ได้ แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นคือทั้งฝ่ายที่ถูกกล่าวว่าจ่ายเงิน กับคนที่ถูกมองว่ารับเงินนั้น เสียศรัทธาจากประชาชน" แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงประเด็นที่พรรคประชารัฐเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่ถูกพรรคเพื่อไทยตั้งประเด็นว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย นายชวน กล่าวว่า "หากผิดจริง เขาก็ยุติ หากเขาทำ ก็เป็นความผิดของเขา ไม่ได้เกี่ยวกับเรา
นายชวน กล่าวด้วยว่า ตนขอความเป็นธรรมด้วยว่ากรณีที่จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลกับกลุ่มของตนนั้นยุติธรรมหรือไม่ กรณีที่กลุ่มพลังประชารัฐยังขับเคลื่อนในนามพรรคการเมืองไม่ได้ เพราะยังไม่ได้จัดตั้งเป็นทางการ แต่ขณะที่พรรคใหม่ที่เป็นของเยาวชนยังเดินสายไป 20 กว่าจังหวัดเพื่อคุยกับชาวบ้านได้ และมีบางพรรคการเมืองเรียกกลุ่มชาวบ้านไปคุย กลับถูกจับตาน้อยกว่าทั้งที่อาจจะขัดกับคำสั่งของคสช. ดังนั้นอย่าพยายามสร้างความเป็นปฏิปักษ์ต่อนักการเมืองด้วยกัน หรือบอกให้ประชาชนเลือกฝั่ง เพราะในทางการเมืองไม่เกิดประโยชน์ใดๆ