ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลต่อราคาสินค้าและบริการที่จะสูงขึ้น โดยที่ผ่านมาภาครัฐติดตามตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และตัดสินใจที่จะนำเงินกองทุนน้ำมันมาพยุงราคาดีเซล
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องใน 2 เดือนที่ผ่านมา และทำให้น้ำมันดีเซลใกล้ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งกระทรวงพลังงานจะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มี 30,505 ล้านบาท มาพยุงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จะเป็นมาตรการระยะสั้นตั้งแต่หลังมีมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในสัปดาห์นี้ ไปจนกว่าจะเปิดจำหน่ายไบโอดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 20% ในทุกลิตร) ในเดือน ก.ค. 2561
ส่วนสถานที่จำหน่าย ดีเซล B20 นั้นจะหารือกับภาคเอกชนกำหนดจุดจำหน่ายที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะใช้สถานที่ในสถานีจอดรถบัสหรืออู่รถบรรทุก และจะไม่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันทั่วไป เพื่อป้องกันความสับสนของผู้บริโภค
ทั้งนี้ หากดีเซล B20 ออกจำหน่ายแล้ว แต่ราคาน้ำมันโลกยังผันผวนในราคาสูงเกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะใช้เงินกองทุนน้ำมันช่วยลดภาระราคาขายปลีกน้ำมันเพียง 50% ของราคาที่เพิ่มขึ้น เช่น หากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น 1 บาท จะใช้เงินกองทุนน้ำมันลดภาระ 50 สตางค์ต่อลิตร คาดว่าจะช่วยพยุงราคาน้ำมันได้ 10 เดือน หลังจากพ้นกรอบเวลานี้แล้วหากราคาน้ำมันโลกยังคงปรับขึ้น ประชาชนคงจะต้องปรับตัว แต่กระทรวงพลังงานจะพยายามปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนให้มากที่สุด
"กระทรวงพลังงานคาดว่าไบโอดีเซล B20 จะออกจำหน่ายได้ต้นเดือน ก.ค. 2561 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร ซึ่งจะจำหน่ายให้กับรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ และเรือ เพื่อพยุงไม่ให้ต้องปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ลดผลกระทบกับประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถปรับเครื่องยนต์เพื่อรองรับดีเซล B20 ได้ไม่ยาก ใช้เงินปรับปรุงเพียงเล็กน้อย รวมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ เพราะดีเซล B20 สะอาดกว่าน้ำมันดีเซลธรรมดา"