โดยหากเทียบกับต่างประเทศ ถือว่าสตาร์ตอัพของไทยยังน้อย แต่พบว่า เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด ตอนนี้จะส่งเสริมให้ธุรกิจนำดิจิทัลไปต่อยอดธุรกิจ และผลักดันภาคบริการให้เป็นสตาร์ทอัพมากขึ้น จากเดิมจะเป็นธุรกิจภาคผลิตเป็นหลัก ซึ่งธุรกิจสตาร์ทอัพที่โดดเด่น เช่น บริการเกี่ยวกับท่องเที่ยว ดูแลผู้สูงวัย ขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นต้น
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรม "Smart Startup 2018" เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการเอสเอ็ม และสตาร์ทอัพ ไปทั่วประเทศ จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จ.ภูเก็ต วันที่ 8-10 มิ.ย. นี้ ครั้งที่ 2 จ.เชียงใหม่ วันที่ 13-15 ก.ค.นี้ และครั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา วันที่ 24-26 ส.ค.นี้
ภายในงานจะแบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 โซนนิทรรศการ และส่วนที่ 2 การนำเสนอธุรกิจ ซึ่งเป็นการนำเสนอบริการของธุรกิจสตาร์ตอัพ ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ด้าน เช่น ด้านการบริหารจัดการ การตลาด การเงินการบัญชี การซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ การขนส่งและจัดเก็บสินค้าตามประเภทธุรกิจ อาทิ สินค้าไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยวและโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
พร้อมเชิญวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล แนะนำการวางกลยุทธ์ สร้างจุดขายและมูลค่าเพิ่มเหนือคู่แข่ง รวมถึงการเลือกใช้ช่องทางการตลาดในการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ