โดยการส่งเสริมการลงทุนจะสนับสนุนกิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ ซึ่งจะให้ส่งเสริมแก่ผู้ที่จะเข้ามาพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่เมืองอัจฉริยะซึ่งต้องลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่รองรับระบบอัจฉริยะด้านต่างๆ เช่น ระบบไฟเบอร์ ออฟติกส์ ระบบอินเทอร์เน็ตสาธารณะ ด้านการบริหารจัดการข้อมูล และให้บริการระบบเมืองอัจฉริยะที่เหมาะสมอย่างน้อย 1 ด้านจาก 6 ด้านข้างต้น โดยทั้งสองกิจการนี้จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี
นอกจากนี้ที่ประชุมได้อนุมัติแนวทางส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่ทันสมัย เพื่อพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจทั้งด้าน E-Commerce และ E-Logistics โดยเปิดให้กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบอัจฉริยะเป็นกิจการส่งเสริมการลงทุนใหม่ และกำหนดให้เป็นหนึ่งในกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกิจการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น โดยหากลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)หรือ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 13 ปี และหากลงทุนในพื้นที่นิคมหรือเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกพื้นที่อีอีซี จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 12 ปี
นางสาวดวงใจกล่าวว่าที่ประชุมบีโอไอยังเห็นชอบเปิดส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับแรงงานมาตรฐานสากลทั้งสำหรับแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว โดยต้องเป็นที่พักที่ได้มาตรฐานองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดยหากตั้งกิจการในพื้นที่ทั่วไปจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี และหากตั้งใน 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัดจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 6 ปีโดยผู้ขอส่งเสริมจะต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2562
นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณาขยายระยะเวลาการขอรับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 10 จังหวัดได้แก่ จ.ตาก ตราด มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรีและนราธิวาส ออกไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2563 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 2561
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ