svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

SCG กำไรติดลบ ไตรมาส 1 ร่วง29%

26 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เอสซีจี เผยผลประกอบการไตรมาส 1 กำไรร่วง 29% เทียบปีก่อน เหตุค่าบาทแข็ง - ต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง ระบุ ยังคงเป้ารายได้โต 5-6% เร่งเพิ่มยอดขายธุรกิจในอาเซียนทดแทน ด้านโครงการลงทุนปิโตรเคมีเวียดนาม 2 หมื่นล้านบาท เริ่มก่อสร้างได้ภายในครึ่งปีหลัง

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีไตรมาส 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย 118,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไร 12,406 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และลดลง 29% เมื่อเทียบไตรมาสแรกปีที่แล้ว เพราะผลดำเนินงานลดลงของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอล ซึ่งได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายเงินลงทุน 3 พันล้านบาท

ส่วนรายได้จากการขายในอาเซียน มีมูลค่า 27,014 ล้านบาท คิดเป็น 23% จากยอดขายรวม โดยเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอื่น 20,075 ล้านบาท คิดเป็น 17% จากยอดขายรวม ที่เหลืออีก 60% จะเป็นยอดขายภายในประเทศ ด้านสินทรัพย์รวมของเอสซีจี มีมูลค่า 584,251 ล้านบาท โดย 24% เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน

"ค่าเงินบาทในไตรมาส 1 แข็งค่าขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2560 รวมทั้งแนฟทาที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของปิโตรเคมี มีราคาสูงขึ้นจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่ง 2 ส่วนนี้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้รายได้ลดลง แต่จะมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่ไปลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้น เพราะตลาดในกลุ่มนี้ขยายตัวได้ดี และจะเร่งผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนานวัตกรรม และนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้า รวมทั้งระยะเวลาที่ผ่านไปเพียง 3 เดือน จึงคงเป้าหมายรายได้ขยายตัวที่ 5-6%"

หวังก่อสร้างครึ่งปีหลังขยายตัว

สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจเคมิคอลมีรายได้จากการขาย 52,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 8,135 ล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน และลดลง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมลดลง

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 46,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 2,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และการขยายตัวของการดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียน

"ในไตรมาสแรก เห็นแนวโน้มการก่อสร้างภาครัฐดีขึ้น คาดว่าในช่วงกลางปีน่าจะเห็นความคืบหน้าที่สำคัญ และในไตรมาส 3-4 น่าจะเห็นการเริ่มต้นก่อสร้าง ส่วนตลาดบ้านที่พักอาศัยภาคเอกชน คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 6-9 เดือน จึงจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้น"

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 21,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากตลาดเติบโตต่อเนื่องและผลจากการซื้อกิจการ ขณะที่ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายสินทรัพย์

เตรียมแผนลงทุนปิโตรเคมีที่อินโดฯ

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า วงเงินลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 5-6 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 1 ลงทุนไปแล้ว 9 พันล้านบาท มีโครงการหลักในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนปิโตรเคมีครบวงจรในเวียดนามมีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และกำลังหารือรายละเอียดกับพันธมิตรในข้อกฎหมายและซัพพลายเออร์ แม้จะช้ากว่าแผนแต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการเริ่มก่อสร้าง ส่วนโครงการปิโตรเคมีในอินโดนีเซีย ที่กำลังศึกษาและจะเสร็จในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนในอาเซียนนั้นล่าสุดเข้าถือหุ้นเพิ่มเติมเป็น 50.9% ในบริษัท Binh Minh Plastics Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อและข้อต่อ PVC ทางตอนใต้ของเวียดนาม และตั้ง Trading Company โดยเข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท PT Nusantara Polymer Solutions ในอินโดนีเซีย เพื่อจำหน่ายเม็ดพลาสติกที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งเป็นแผนขยายฐานสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในตลาดอาเซียน รวมทั้งจัดตั้ง SCG Roofing Center ที่นครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว เพื่อเป็นศูนย์บริการหลังคา ฝ้า ผนังครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศและรองรับการเติบโตของตลาดและเปิดโอกาสทางธุรกิจในเออีซี

นอกจากนี้ เอสซีจีมีแผนพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) โดยร่วมมือกับลูกค้าหรือสถาบันต่างๆมากขึ้น ซึ่งไตรมาสนี้ เอสซีจีมียอดขายสินค้ากลุ่มนี้ 45,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 39% ของยอดขายรวม โดยใช้งบลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,206 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1% ของยอดขายรวม

logoline