svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

บอนด์ยีลด์รัฐบาลสหรัฐ พุ่งขึ้นเฉียด 3.0% สูงสุดในรอบ 7 ปี

24 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บอนด์ยีลด์รัฐบาลสหรัฐรั้งไม่อยู่พุ่งขึ้นเฉียด 3.0% สูงสุดในรอบ 7 ปี หลังนักลงทุนพากันเทขายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย และเงินเฟ้อดีดตัวเพิ่มขึ้น


ตลาดคาดการณ์ว่า หากผลอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.0% จะปรับตัวขึ้นไปถึง 3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ก่อนที่จะถูกแตะเบรกเหวี่ยงตัวลดลงมาที่ 2.70% ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนอาจจะยอมรับได้ในระดับที่เป็นกลาง แต่ก็ยังคงความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน

ขณะที่เฟดเตรียมเปิดประชุมครั้งที่ 3 รอบปีนี้ในวันที่ 2 พฤษภาคม ถกการปรับขึ้นดอกเบี้ย เหตุอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นทั้งกระดานทั้งระยะสั้นจนถึงระยะยาว


1. อัตราผลตอบแทนบอนด์ (บอนด์ยีลด์) รัฐบาลสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยอัตราบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีพุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 2.99% ขณะที่อัตราบอนด์ยีลด์ระยะยาวประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นที่ระดับ 3.175%

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เคยพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2.90% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้ แต่หากดีดตัวแรงยืนเหนือ 3.0% ที่ระดับ 3.04% ก็จะเป็นระดับสูงสุดนับตะเงแต่ปี 2011

ส่วนแรงกดดันในระยะยาวนั้น ก่อนหน้านี้อัตราผลตอบแทนบอนด์นะยะยาวอายุ 30 ปี ที่เคยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.164% ก็สามารถพุ่งขึ้นยืนเหนือระดับ 3.175% ในวันนี้
2. เป็นเพราะนักลงทุนแห่เทขายบอนด์ ซึ่งสูญเสียความน่าดึงดูดในการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเชื่อว่าจะดีกว่าที่คาดไว้เดิม



ขณะที่เฟดเตรียมเปิดประชุมครั้งที่ 3 รอบปีนี้ในวันที่ 2 พฤษภาคม ถกการปรับขึ้นดอกเบี้ย เหตุอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นทั้งกระดานทั้งระยะสั้นจนถึงระยะยาว



3. คลาดหุ้นวอลล์สตรีททรงตัในทิศทางบวกและลบอย่างแคบๆ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดวันจันทร์ที่ 24,448 ลดลง 14.25 จุด หรือ 0.06% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,128 ลดลง 17.52 จุด หรือ 0.25% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,670 เพิ่มขึ้น 0.15 จุด หรือ 0.01%

ขณะที่ตลาดจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ ละอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เหตุบอนด์ยีลด์อายะ 2 ปีของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ่นเข้าใกล้แตะ 2.5% จะยิ่งเป็นแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเช่นกัน



4. ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของบอนด์ยีลด์รัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินพุ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และตลาดหุ้นทั่วโลก และอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ โดยเฉพาะจะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะกระทบต่อเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ในระบบอีกด้วย

ตลาดคาดการณ์ว่า หากบอนด์ยีลด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.0% จะปรับตัวขึ้นไปถึง 3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ก่อนที่จะถูกแตะเบรกเหวี่ยงตัวลดลงมาที่ 2.70% ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนอาจจะยอมรับได้ในระดับที่เป็นกลาง แต่ก็ยังคงความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน

5. แต่การที่ทิศทางของเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นชั่วคราว จนผลักดัยให้ดัชนีค่าเงิน หรือ Doller index พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 90.73 อาจจะเป็นการช่วยพยุงตลาดหุ้นวอลล์สตรีทไว้ในขณะนี้

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนแตะ 108.64 เยน จากระดับ 107.57 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.2206 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2288 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ 1.3936 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4031 ดอลลาร์

logoline